kitty wedding

kitty wedding

วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วันที่ 9 เมษายน 2557 สำรวจโอไดบะ (ตอนที่ 2)


หลังจากฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว  ตามแผนของวันนี้คือไปเที่ยวแถวๆ ที่พัก ที่จะไปก็มีห้าง Decks Tokyo Beach  ห้าง Aqua City Odaiba และห้าง Diver City Tokyo Plaza (มีแต่เที่ยวห้าง) โรงแรมที่เราพักจะมีสถานีรถไฟใกล้ๆ อยู่ 2 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟ Kokusai-Tenjijo จะให้บริการสาย Rinkai เหมาะสำหรับเข้าไปเที่ยวในโตเกียว  ส่วนอีกสถานีนึงคือ สถานีรถไฟ Kokusai-Tenjijo Seimon ให้บริการสาย Yurikamome เหมาะสำหรับการเที่ยวภายในโอไดบะ ซึ่งวันนี้เราจะวนเวียนอยู่แต่ในโอไดบะ ดังนั้น เราจึงเลือกใช้บริการรถไฟสาย Yurikamome กัน แต่ก่อนจะใช้บริการเรามารู้จักรถไฟสายนี้กันสักเล็กน้อยดีกว่า

รถไฟสาย Yurikamome เป็นรถไฟสายแรกของโตเกียวที่ควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด พูดง่ายๆ คือ วิ่งได้โดยไม่ต้องมีคนขับ มีทั้งหมด 16 สถานี เริ่มต้นที่สถานี Shimbashi (U01) สิ้นสุดที่สถานี Toyosu (U16) ส่วนสถานีรถไฟ Kokusai – Tenjijo  Seimon เป็นสถานีที่ U11 ราคาตั๋วรถไฟแต่ละเที่ยวขึ้นอยู่กับระยะทาง เริ่มต้นตั้งแต่ 190 เยนจนถึง 380 เยนต่อเที่ยว แต่รถไฟสายนี้ก็มีบัตรแบบ One-day Pass เหมือนกันนะ สามารถขึ้นลงรถไฟสาย Yurikamome กี่เที่ยวก็ได้ตลอดทั้งวัน ราคาบัตรเหมาจ่ายคนละ 820 เยน(รวมภาษีเรียบร้อยแล้ว) สามารถซื้อได้ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติทุกสถานีของสาย Yurikamome ดังนั้น ก่อนการเดินทางถ้าเราทำแผนการเดินทางในแต่ละวันได้จะดีมากๆ เพราะจะช่วยให้เราสามารถประหยัดค่าเดินทางในแต่ละวันได้เยอะทีเดียว นอกจากนี้ในแต่ละสถานีจะมีสัญลักษณ์ของแต่ละสถานีด้วย อย่างสถานีที่เราใช้อยู่เป็นประจำสัญลักษณ์ก็จะเป็นดอกซากุระสีชมพู (ถูกใจคนบ้าสีชมพูอย่างเจ๊มาก  555) ถ้าใครสนใจดูรายละเอียดได้ที่ https://www.yurikamome.co.jp/en/ 



"สถานีรถไฟ Shimbashi (U01) จุด start สำหรับสาย Yurikamome"


"ซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ตู้นี้"
"บรรยากาศภายในรถไฟสาย Yurikamome"

"ที่นั่งด้านหน้าสุดของขบวน สามารถเก็กท่าเป็นคนขับรถไฟได้ (ถ้าไม่อาย)"

"มุมมองที่นั่งด้านหน้าขบวน"
"list icon หรือสัญลักษณ์ประจำสถานีต่างๆ ของสาย Yurikamome ป้ายนี้อยู่ที่สถานี Shimbashi (U01)"
"ที่สถานี Kokusai-Tenjijo Siemon กับวิวอ่าวโตเกียว"

"Icon ประจำสถานี U11 ลาย Cherry Blossom"
เป้าหมายแรกที่จะไปคือ Decks Tokyo Beach จากสถานี U11 ไปลงที่สถานี Odaiba-Kaihinkoen (U06) เดิมตั้งใจจะเดินเล่นที่นี่ก่อน แต่ห้างยังไม่เปิด (เปิด 11 โมง) เราสองคนเลยเดินต่อไปอีกนิด ใกล้ๆ กันคือ ห้าง Aqua City Odaiba ซึ่งก็ยังไม่เปิดเหมือนกัน แต่ตรงระเบียงของห้างเป็นจุดชมวิวและจุดถ่ายภาพอ่าวโตเกียว สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) และเทพีเสรีภาพขนาดจำลอง ตรงสวนสาธารณะ Odaiba Kaihin เลยได้ไปถ่ายรูปวิวสวยๆ รอเวลาห้างเปิดไปพลางก่อน และที่นี่ก็เป็นที่แรกที่ได้สัมผัสกับต้นซากุระที่ดอกกำลังบานเต็มที่เลย (จวนเจียนจะร่วงแล้ว) ดีใจมาก ไม่คิดว่าจะได้เจอกันตั้งแต่วันแรกที่มาถึง

"ลงจากสถานี  06 เดินต่อไปอีกนิดก็ถึง Decks Tokyo Beach แล้ว"

"ฝั่งตรงข้ามเป็น Diver City Tokyo Plaza"
"ตึก Fuji Television อยู่ตรงข้าม Aqua City Odaiba เลย"


"บริเวณลานกว้างของ Aqua City Odaiba ไว้ชมวิวอ่าวโตเกียว สะพานสายรุ้ง และเทพีเสรีภาพขนาดจำลอง"

"เทพีเสรีภาพจำลองกับสะพานสายรุ้งยามเที่ยง"



"ถ่ายกับซากุระซะหน่อย"

(เสียง...จ๊อกๆ โครกคราก) เอ๊ะ! เสียงอะไร อ้อ! เสียงท้องเราสองคนเอง  ห้างเปิดพอดีเข้าไปสำรวจของกินกันที่ Aqua City Odaiba ก่อนเลยดีกว่า 

"แหล่งขุมทรัพย์อาหารใน Aqua City Odaiba มีแทบทุกชั้น"

หลังจากเล็งอยู่สักพัก เราสองคนเลือกราเมงเป็นอาหารมื้อแรกของการเดินทางครั้งนี้  โซนที่เราไปกินราเมงกัน เรียกว่า โกะโตชิเม็งมัตสึรึ (Gotouchimenmatsuri)ซึ่งเป็นการนำร้านอาหารชื่อดังจากภูมิภาคต่างๆ ของญี่ปุ่นมารวมกันไว้ในที่เดียว (แต่ที่เห็นรู้สึกว่าจะเน้นราเม็งกับเกี๊ยวซ่าเป็นหลักนะ) วิธีการสั่งอาหารง่ายนิดเดียว ยกมือขึ้น ชี้ไปที่รูป ชูนิ้วจำนวนชามที่ต้องการ จ่ายเงินแล้วรอรับอาหาร ก็ได้ราเม็งอร่อยๆ มากินละ (แล้วที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นมา เพื่ออะไรกัน ห๋า!

"บรรดาเมนูราเมงที่โกะโตชิเม็งมัตสึริ ชั้น 5 ของ Aqua City Odaiba"
"ทางเข้าของโกะโตชิเม็งมัตสึริ"
"แผนผังร้าน ชอบร้านไหนก็จัดไปอย่าให้เสีย"

"บรรยากาศภายในโกะโตชิเม็งมัตสึริ"

"ร้านเกี็ยวซ่าที่ตั้งใจจะลองแต่จุกราเมงซะก่อน อดเลย...ด้านซ้ายมือเป็นตู้น้ำดื่ม ไม่ว่ากินอาหารร้านไหน  ก็ดื่มได้ฟรี"

ขอรีวิวราเมงกันเล็กน้อย ราเมงทั้งสองชามที่เราเลือกเป็นราเมงสไตล์ Hakata จากเมือง Fukuoka  เส้นเป็นแบบเส้นเล็ก ส่วนน้ำซุปทำจากกระดูกหมู รสชาติเข้มข้น ต่างกันตรงที่ชามของเราเป็นหมูชาชูและน้ำซุป ซึ่งได้กลิ่นและรสชาติของกระเทียมเล็กน้อย ส่วนของโยกี้เป็นหมูสามชั้นแบบบาร์บีคิว สำหรับคนไม่ค่อยชอบราเมงแบบเรากินแล้วก็รู้สึกว่าอร่อยดี ดูเหมือนจะเลี่ยนแต่ก็ไม่เลี่ยน กินจนหมดชามเลย (เอ...หรือว่าหิว) ส่วนโยกี้เป็นคนชอบกินราเมงแต่ไม่ชอบเส้นเล็ก เลยให้ความเห็นว่าถ้าเป็นราเม็งเส้นอ้วนคงจะอร่อยกว่านี้ อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะ

"ร้าน らーめん二男坊 เป็นร้านที่เราสองคนเลือก...สั่งเสร็จก็คุยกันว่าทำไมเราไม่เลือกชิมกันคนละร้านล่ะ...นั่นซิ...สายไปละ"
"เมนูของโยกี้...เส้นและน้ำซุปเหมือนกัน แต่ชามนี้เป็นหมูสามชั้น...อ้วนๆๆ"
"เมนูของเรา..หมูชาชูธรรมดาแต่น้ำซุปมีกลิ่นกระเทียมเล็กน้อย..อ้วนน้อยกว่านิดนุง"

พอท้องอิ่มแล้วก็เดินเล่นใน Aqua City Odaiba กันดูซะหน่อย ก่อนออกจากห้างเราก็ไม่ลืมที่จะซื้อตั๋วเข้า Disneyland แบบ 1 day passport ที่ Disney store ชั้น 3 ของห้างก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวซื้อตั๋วที่ Disneyland อีก ราคาตั๋วต่อคน 6,400 เยน เข้าได้ตั้งแต่สวนสนุกเปิดจนปิดเลย แต่เนื่องจากตั๋วจะเป็นตั๋วแบบระบุวัน  ดังนั้น ก่อนซื้อตั๋วควรดูพยากรณ์อากาศให้ดีก่อนว่าวันที่เราจะไปไม่มีฝนไม่มีพายุจะได้ไม่ต้องมานั่งเซ็งทีหลัง
"ร้านขาย Totoro...น่ารักจัง"
"ร้านขายน้องหมาภายในห้าง น้องๆ ดูท่าทางจะะอยู่ดีกินดีพอสมควร"
"ค่าตัวแพงกว่าเอาเรื่องนะเนี่ย"

"น้องแมวก็มี น่ารักจัง"
"แวะซื้อ Disney 1 day passport  ล่วงหน้าได้ที่นี่"

"ตั๋ว Disneyland แบบ 1 day passport"
 ได้เวลาไป Decks Tokyo Beach แล้ว เดินย้อนกลับไปทางสถานี U06 ระหว่างทางเดินผ่านร้าน Matsumoto Kiyoshi แวะดูสินค้าหน่อยซิว่ามีอะไรน่าสนใจไหม


"ราคายังไม่โดน"

ดูแล้วสาขานี้ราคายังไม่โดน เอาไว้ก่อนดีกว่า เผื่อเจอสาขาอื่นที่ถูกกว่า ระหว่างทางก็แวะร้านสะดวกซื้อ ซื้อกาแฟและชาเขียวมาชิมกันคนละแก้ว จำราคาแต่ละแก้วไม่ได้แล้ว แต่รวมกันสองแก้วราคา 388 เยน รสชาติอร่อยดี ไม่หวานจัด ชอบๆ 

"กาแฟ Maxim ของโยกี้ ขอเราชาเขียวมัชชะ"
ใกล้จะเดินถึง Decks Tokyo Beach ละ ความจริงก็ไม่ได้ไกลจากกันเท่าไหร่หรอก แต่มัวแวะโน่นแวะนี่กัน กว่าจะถึง...เอาไว้มาเล่าต่อตอนต่อไปดีกว่านะ...^__^


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น