kitty wedding

kitty wedding

วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เตรียมตัวก่อนเดินทางไป Tokyo (ในแบบของเรา)

เตรียมตัวก่อนเดินทาง

ก่อนอื่นต้องขอนั่ง Time Machine ย้อนไปเมื่อปี 2001 ที่ยังเป็นละอ่อน ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการมิตรภาพสำหรับศตวรรษที่ 21 หรือ ASEAN – Youth Friendship Program for the 21st Century ทำให้ได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นประมาณ 1 เดือน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ประทับใจไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะเป็น Host family เพื่อนๆ เยาวชนไทยและอาเซียนด้วยกัน  และที่สำคัญที่สุดคือความเป็นประเทศญี่ปุ่นเอง  และวันนึงเมื่อเราได้เจอคนที่เรารัก เราก็อยากจะแบ่งปันความรู้สึกประทับใจให้แก่คนที่เรารักด้วย ดังนั้น  จุดหมายของการ Honeymoon ของเราก็จะต้องเป็นประเทศญี่ปุ่นอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย

คำถามต่อมา คือ จะเที่ยวง้อทัวร์ หรือเที่ยวด้วยตนเองดี  โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบไปกับคนเยอะๆ  และอยากเที่ยวตามใจตัวเองมากกว่า  หันไปมองตามร้านหนังสือต่างๆ หนังสือนำเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองก็เยอะ มองกลับมาที่เจ้า notebook เครื่องเก่ง สื่อออนไลน์ต่างๆ เองก็แยะ  งั้น...ไปเที่ยวเองเลยดีกว่า อุ๊ต๊ะ!  แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว

การเที่ยวเองครั้งแรกก็ขอเลือกเมืองใหญ่ๆ ก่อนแล้วกันนะ อย่างน้อยป้ายต่างๆ ก็น่าจะมีภาษาอังกฤษมากกว่า ถ้าบังอาจคิดจะใช้ภาษาญี่ปุ่นที่เคยลงทุนไปร่ำเรียนมา  39 ชั่วโมงก็ส่งคืนอาจารย์ไปเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายทริปแรกของเราสองคนก็เลยเลือกเที่ยวโตเกียวและเมืองข้างเคียงก่อน (ทริปหน้าค่อยว่ากันใหม่)...ช่วงเวลาก็ต้องเป็นช่วงที่วันหยุดติดๆ กันเยอะหน่อยซึ่งก็คงไม่พ้นช่วงสงกรานต์...แล้วการเดินทางล่ะ อายุปูนนี้แล้วขอเดินทางแบบสบายๆ หน่อยละกันนะ  เลยตั้งโจทย์ไว้ว่าขอเป็นเที่ยวบินตรง   โรงแรมที่พักไม่ต้องอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวก็ได้ขอแค่มีรถ Airport  Limousine รับ-ส่งระหว่างสนามบินกับโรงแรมก็พอแล้ว จะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋ายักษ์คนละสองใบขึ้นลงรถไฟ ถ้าไม่เช่นนั้นไม่ใครก็ใครคงได้เดี้ยงกันไปก่อน

มากันที่สายการบินที่เราจะเลือกก่อนว่าจะเป็นสายการบินอะไรดี สายการบินที่บินตรงเท่าที่นึกได้ตอนนั้นก็มี สายการบินไทย... All Nippon Airways….Japan Airlines ขอบอกก่อนว่าแผนเที่ยวครั้งนี้ทำล่วงหน้าเกือบปี แผนที่วางไว้คือไปช่วงสงกรานต์ปี 2557 ขณะที่เรากำลังนั่งดูตั๋วเครื่องบินนั้นเป็นวันที่ 10 สิงหาคม 2556  ราคาตั๋วเปรียบเทียบ 3 สายการบินนี้แล้ว Japan Airlines ราคาน่าคบสุด สำหรับชั้นประหยัดราคารวมภาษีแล้วคิดเป็นเงิน  25,845 บาทต่อคน  ตอนนั้นก็ชั่งใจว่าจะซื้อเลยดีไหมแถมที่นั่งเรายังสามารถเลือกเองตรงหน้า website ได้เลย  ที่นั่งดีๆ ว่างเพียบ แต่อีกใจก็คิดว่าถ้ารอใกล้ๆ วันเดินทางเกิดมีโปรโมชั่นดีๆ ราคาถูกกว่านี้คงเสียดายแย่  มารู้สึกตัวอีกทีเราก็ click ซื้อตั๋วไปแล้ว ณ วันนั้นเอง (นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย)  ตกลงว่าได้ซื้อตั๋วเดินทางดังนี้
วันที่ 9 เมษายน 2557 เที่ยวบิน JL 718  (BANGKOK – TOKYO (Narita))   เวลา 00.20 น. – 08.35 น.
วันที่ 18 เมษายน 2557 เที่ยวบิน JL 707 (TOKYO (Narita) - BANGKOK)   เวลา 17.55 น. – 22.35 น.

ข้อดีของการบินโดย JAL นอกจากจะเป็นสายการบินเดียวกับที่เราไปญี่ปุ่นครั้งแรกแล้ว (ระลึกความหลังนิดนึง) JAL ยังมีสิ่งดึงดูดพิเศษให้ คือ ถ้านั่งชั้น Economy หรือ Premium Economy จะสามารถโหลดกระเป๋าได้  2 ใบ ใบละไม่เกิน 23 กิโลกรัม รวมแล้วก็สามารถหอบหิ้วสัมภาระได้คนละ 46 กิโลกรัม สำหรับชั้นธุรกิจกับชั้น First Class จะโหลดได้ 3 ใบ ใบละ 32 กิโลกรัม รวมแล้วก็ 96 กิโลกรัมกันเลยทีเดียว (ปลื้มอ่ะ)  ส่วนกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องนอกจากกระเป๋าสะพายใส่ของส่วนตัวแล้ว ยังหิ้วกระเป๋าขนาดไม่เกิน 115 เซนติเมตร น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัมได้อีกด้วย  แต่เรื่องจองตั๋วล่วงหน้าเกือบปีเนี่ย ก็เกิด event ขึ้นจนได้  ไว้จะค่อยเล่าให้ฟังกันต่อไปนะคะ

ต่อไปก็เป็นโรงแรม เราเลือกจองผ่าน Booking.com เนื่องจากราคาที่ปรากฏบนหน้า web ส่วนใหญ่เป็นราคาที่รวมภาษีแล้ว หน้า web เท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น ช่วงที่เราไปมีโรงแรมที่มีรถรับ-ส่งจากสนามบินมาโรงแรมไม่กี่โรงแรม  โรงแรมที่ราคาปานกลาง ดูแล้วผู้คนไม่น่าจะพลุกพล่าน  แถมมี Lawson อยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรมด้วย (มีที่ฝากท้องแล้วเรา) และที่สำคัญมีบริการรถรับ-ส่งฟรีระหว่างโรงแรมกับ Disney Resort (Disneyland และ Disneysea) ด้วย นั่นคือ โรงแรม Hotel Sunroute Ariake อยู่ที่ Odiaba นั่นเอง  ราคาค่าห้องพักสำหรับ Economy Double Room ขนาดห้อง 17 ตารางเมตร ทั้งหมด 9 คืน รวมแล้ว 121,500 เยน เป็นราคาแบบไม่รวมอาหารเช้า ถ้ารวมอาหารเช้าด้วยตก 1,470 เยนต่อคนต่อคืน เรื่องโรงแรมที่ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความคับแคบของห้องอยู่แล้ว ทุกพื้นที่จะถูกใช้สอยอย่างคุ้มค่าที่สุด ดังนั้น ก็เลยทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามันน่าจะแคบนะ (ตอนนั้นจินตนาการขนาดห้องไม่ถูกจริงๆ) 

ตั๋วเครื่องบินก็ซื้อมาแล้ว โรงแรมก็ได้แล้ว  ระหว่างรอวันเดินทางเราก็เตรียมหาข้อมูลและแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้า  ปรับเปลี่ยนแผนไปมาจนกระทั่งอาทิตย์สุดท้ายก่อนการเดินทางก็ยังต้องมีการปรับเปลี่ยน เพราะต้องคอยเช็คพยากรณ์ทั้งอากาศและวันบานของดอกซากุระ ครั้งนี้เป้าหมายอย่างน้อยต้องเห็นภูเขาไฟฟูจิแบบไม่มีเมฆมาบดบัง และไปให้ทันเห็นซากุระซักต้นก็ยังดี ที่เหลือยังไงก็ได้ยืดหยุ่นๆ จะได้ไม่เครียด 

             แต่แล้ว event ก็เกิดขึ้นกับตั๋วเครื่องบินจนได้ แต่ก็แก้สถานการณ์ได้ทัน  เนื่องจากเราเป็นคนที่คนข้างจะย้ำคิดย้ำทำ ถึงจะซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว เลือกที่นั่งฝั่งซ้ายริมหน้าต่างเผื่อว่าจะเห็นภูเขาไฟฟูจิจากเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังชอบ log in เข้าไปดูใน web ของสายการบินบ่อยๆ ว่าที่นั่งที่เราเลือกไว้ยังเหมือนเดิมอยู่เปล่า และแล้วในคืนวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งมันควรจะเป็นวันที่แสนโรแมนติค เราก็เข้า log in ดูเป็นปกติ เอ้ย...ตาฝาดไปหรือเปล่า  ขาไปตั๋วเราจองไว้วันที่ 9 เมษายน 2557 เที่ยวบิน JL 718  ถึงสนามบิน Narita  เวลา  08.35 น. นี่นา ทำไมกลายเป็นเที่ยวบิน JL 032 ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 9.45 น. ถึงที่สนามบิน Haneda  เวลา 17.55 น. เอาล่ะหว่า...งานเข้า...ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องเสียวันเที่ยวไป 1 วันเต็มๆ เลย  จะโทรไปสายการบินก็ค่ำแล้ว แถมพรุ่งนี้ยังติดเสาร์-อาทิตย์ไม่ทำงานกันอีก เล่นเอานอนไม่หลับเลย  ระหว่างเสาร์-อาทิตย์ก็ตั้งสติมาดูตารางบินของ JAL อีกที  จึงถึงบางอ้อว่ามีการเปลี่ยนแปลงตารางบินจาก winter เป็น summer นี่เอง เที่ยวบินที่เราจองไว้ยกเลิกทางสายการบินเลยเปลี่ยนเที่ยวบินให้เราโดยอัตโนมัติ  วันจันทร์แปดโมงเช้ารีบโทรไปสอบถามทันที (ทั้งๆ ที่รู้สาเหตุแล้ว)  เป็นอย่างที่คาดไว้ แต่ที่สงสัยคือ ทำไมเราไม่ได้รับการติดต่อจากสายการบินว่ามีการเปลี่ยนแปลง   แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เพราะคิดว่าโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์มาหาทางแก้ไขดีกว่า ว่าจะสามารถเปลี่ยนเที่ยวบินให้เราเดินทางถึงเช้าวันที่ 9 เมษายน  ได้หรือเปล่า จะลงที่ Narita หรือ Haneda ก็ได้ไม่เกี่ยง  พนักงานสายการบินก็ดีมากๆ  (ไม่ผิดหวังจริงๆ) ช่วยเปลี่ยนเที่ยวบินเป็น JL 034 เดินทางวันที่ 8 เมษายน 2557 เวลา 22.00 น. ถึงสนามบิน Haneda วันที่ 9 เมษายน 2557 เวลา 06.10 น. โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม  แถมหาที่นั่งที่ติดกันสองที่ให้อีกด้วย แต่ก็ได้ที่นั่งตรงกลางเกือบท้ายๆ เครื่อง   แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเรื่องที่นั่งค่อยไปเปลี่ยนที่หลังก็ได้ (ณ ตอนนั้นคิดแค่ว่าขอให้มีที่นั่งก็พอ) สุดท้ายเราเข้าไป check ที่นั่งทุกวันใน web จนได้ที่นั่งติดกันด้านซ้ายริมหน้าต่างจนได้แถมอยู่กลางๆ เครื่องด้วย  (เอาซี้...)

เพื่อความไม่ประมาทเรื่องโรงแรมเพราะจองล่วงหน้าไว้เกือบปีพอกัน  เราก็เลย e-mail ไปที่โรงแรมโดยตรงอีกทีว่าฉันไปแน่ ๆ นะ ก็ได้รับ e-mail ยืนยันกลับมาจากโรงแรมว่าได้รับข้อมูลการจองห้องของเรามาแล้ว เพียงแต่ข้อมูลที่โรงแรมได้รับจาก Booking.com ระบุว่าเราจองเป็นห้องสูบบุหรี่ แต่ทางโรงแรมได้เปลี่ยนเป็นห้องไม่สูบบุหรี่ให้เราตามที่เรา mail ยืนยันให้เรียบร้อยแล้ว (เอาแล้วไง...จำได้ว่าตอนที่จองผ่าน Booking.com ใน web เค้าก็เขียนชัดเจนนะว่าป็นห้องไม่สูบบุหรี่  แต่โชคดีแล้วที่เรา e-mail ไปยืนยันอีกทีไม่งั้นคงต้องดมกลิ่นบุหรี่ไป 10 วันเต็มๆ)

สรุปได้ว่าในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นที่ไหน หลังจากจองไปแล้ว ควรเช็คความถูกต้องว่าเรากับโรงแรมได้รับข้อมูลเหมือนกัน  จะได้ไม่ต้องไปเถียงกับพนักงานโรงแรมตอนที่เราเดินทางไปถึง...เข้าใจตรงกันนะ (555) ทีสำคัญ print e-mail ทั้งของโรงแรมและ web ที่จองโรงแรมติดตัวเผื่อความอุ่นใจไปด้วยก็ดี

สำหรับแผนการเดินทางโดยสรุปของเรามีดังนี้
วันที่ 18 เมษายน  เดินทางกลับประเทศไทย ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 23.00 น.

จริงๆ เรื่องการเตรียมตัวการเดินทางมีรายละเอียดอีกเยอะ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์ต่างๆ ที่เหมาะกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ เอาเป็นว่าสไตล์ใครก็สไตล์ใครแล้วกัน พูดถึงอุปกรณ์เราเอาปลัํกรางจากบ้านไปด้วย ใช้ประโยชน์ได้ดีมาก เสียบปลัํกได้เยอะดี แต่ก็อย่าลืมเอา adapter ไปด้วย มิฉะนั้น อุปกรณ์ไฟฟ้าของเราอาจพังได้ แต่ปัจจุบันอุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างก็สามารถรองรับไฟฟ้า 100-240 V ได้  ก็ใช้ได้เลยไม่ต้องมี adapter แต่ก็อย่าลืมเอาปลั๊กต่อแบบหัวแบนไปด้วย ไม่งั้นจะใช้ไม่ได้   เอาล่ะ...เริ่มต้นขอคร่าวๆ เท่านี้ก่อนดีกว่า เอาไว้ค่อยมาเล่ารายละเอียดการเดินทางในแต่ละวันต่อไปละกันจ้า... 

2 ความคิดเห็น:

  1. ทำสวยดี ไว้สอนเค้าบ้างนะ เค้าทำไม่ค่อยสวย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ได้...ตอนนี้ก็ลองฝึกทำอยู่เหมือนกัน แก้เครียด

      ลบ