kitty wedding

kitty wedding

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วันที่ 14 เมษายน 2557 : Miyazaki’s Nittere Ohdokei Clock และเมือง Yokohama

วันนี้เราตั้งใจจะไปเที่ยวที่เมือง Yokohama กันทั้งวัน คิดว่ากว่าจะกลับมาถึงที่พักก็คงจะมืดแล้ว เลยขอแวะที่สถานี SHIMBASHI ก่อน เนื่องจากว่าที่สถานีนี้มีของดีให้เราดูด้วยนะจะบอกให้ 

จากที่พักของเราขึ้นรถไฟสาย Yurikamome จากสถานี KOKUSAI-TENJIJO-SEIMON ไปลงที่สถานี SHIMBASHI ใช้เวลาเดินทางประมาณยี่สิบกว่านาที แล้วเดินตรงไปที่ชั้นสองเดินไปเรื่อยๆจนออกมานอกบริเวณอาคารมันจะเป็นทางเดินลอยฟ้า ระหว่างทางมองไปด้านล่างก็จะเห็นประติมากรรมต่างๆ บนตึกค่ะ เดินไปไม่ไกลก็จะเจอนาฬิกายักษ์ Miyazaki’s Nittere Ohdokei Clock ซึ่งตั้งอยู่บนตึก Nippon TV Tower แล้วค่ะ 
Miyazaki’s Nittere Ohdokei Clock  ออกแบบโดยคุณ Hayao Miyazaki ผู้กำกับและก่อตั้งสตูดิโอ Ghibli นาฬิกายักษ์นี้จึงมีรูปลักษณ์คล้ายๆ กับปราสาทในการ์ตูนเรื่อง Howl’s Moving Castel (ชื่อไทยว่า ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์) ของสตูดิโอ Ghibli ที่ดัดแปลงมาจากนิยายแนวแฟนตาซีของอังกฤษอีกทีเรื่องราวของการ์ตูนเรื่องนี้หาอ่านได้จาก Wikipedia ตามลิงค์นี้ค่ะ Howl’s Moving Castel
แผนผังที่ตั้งและกำหนดเวลาที่นาฬิกาจะแสดงการเคลื่อนไหวของเครื่องจักรกล 
มีเวลา 10.00 น. (เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์)12.00 น.15.00 น.18.00 น.และ 20.00 น. 

Miyazaki’s Nittere Ohdokei Clock 




พอได้ดูนาฬิกาตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะมาญี่ปุ่นแล้ว เราก็เดินทางไปที่ Yokohama กันต่อเลย โดยจากสถานี SHIMBASHI เราขึ้นรถไฟ JR ไปลงที่สถานี YOKOHAMA ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ยี่สิบกว่านาทีก็ถึง
ที่แรกใน Yokohama ที่เราไปคือย่าน China Town  จากสถานี YOKOHAMA ขึ้นสาย Minatomirai Line ลงสถานี MOTOMACHI-CHUKAGAI ใช้ทางออก 1 ตั้งใจว่าจะหาอาหารเช้าทานกันที่นี่ค่ะ สุดท้ายเราได้ซาลาเปาไส้หมูมาเป็นอาหารเช้า รสชาติรวมๆ ถือว่าใช้ได้ แต่อาจจะจืดไปหน่อยสำหรับเรา (ลืมถ่ายรูป ด้วยความหิวโซ ซาลาเปาก็หายวับไปกับตา)
ประตูเข้าสู่ย่าน China Town












หลังจากนั้นเราเดินตัดย่านไชน่าทาวน์เพื่อไปสวนสาธารณะ Yamashita ที่นี่เองที่ได้เจอกับ Yokohama Marine Tower ซึ่งเป็นประภาคารเก่าที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของโยโกฮาม่า เห็นโดดเด่นมาแต่ไกลเชียว
 
Yokohama Marine Tower
บรรยากาศของสวนสาธารณะ Yamashita ดีมาก ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ตรงที่สวนนี้เราได้เจอกับเรือ Hikawa Maru ซึ่งเป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ที่เคยมีการนำมาใช้จริงครั้งแรกในช่วงปี 1930หลังจากนั้น 30 ปี มีการนำมาดัดแปลงทำเป็นพิพิธภัณฑ์
บริเวณสวนสาธารณะ Yamashita

ท่าเรือ
เรือเดินสมุทร Hikawa Maru




ร้านแพนเค้ก Eggs'n Things อยู่แถวๆ หน้าสวนสาธารณะนี่เองค่ะ 

จากตรงนี้สามารถมองเห็น Yokohama Red Brick Warehouse กับชิงช้าสวรรค์ Cosmo clock 21 อยู่ลิบๆ 
ถึงเวลาจำใจจากสวนสาธารณะ Yamashita ว่าแล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถไฟสาย Minatomirai Line ไปลงที่สถานี BASHAMICHI ใช้ทางออก 2 
สถานี BASHAMICHI 
จากตรงนี้มองหาตึกสูงๆ (ความจริงมันก็สูงทุกตึก เอาเป็นว่าตึกแบบรูปข้างล่างนี้นะคะ) แล้วเดินมุ่งไปที่ตึกนั้น ตึกนั้นก็คือตึก landmark tower ซึ่งเป็นที่ตั้งของเรือเดินสมุทรอีกลำชื่อว่า Nippon Maru เป็นเรือสำเภาที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยโชวะ เพื่อใช้ฝึกซ้อมออกเดินทะเลค่ะ 
Landmark Tower คือเป้าหมาย

เดินข้ามสะพานนี้ไปเลยค่ะ

หลักฐานแสดงว่ามาถูกเมือง


ฝาท่อระบายน้ำแถวๆ เรือสำเภา Nippon Maru

เรือสำเภา Nippon Maru

ชื่นชมกับความสวยงามอลังการของเรือ Nippon Maru แล้ว ท้องเริ่มร้องจ๊อกๆ ว่าแล้วเราก็เดินเข้าไปที่ตึก Landmark Tower เข้าไปในส่วนของ Landmark Plaza ชั้น 1F แล้วมุ่งไปที่ร้าน Tetsu กันค่ะ ร้านนี้ว่ากันว่าเป็นต้นตำรับของ Tsukemen อย่างนี้ต้องขอลองแล้วล่ะ  
เดินดิ่งเข้าตึกกันไปเลยค่ะ

จุดรวมความอร่อยของ Landmark Plaza 

ร้านนี้เลย Tetsu

จุดเด่นของร้านนี้ พอเราทานไปได้ซักพักน้ำซุปมันก็เริ่มเย็น เราสามารถขอหินที่ย่างบนเตาร้อนๆ มาแช่ในน้ำซุปทำให้น้ำซุปร้อนขึ้นมาได้ สำหรับรสชาติขอบอกว่าครึ่งแรกที่ได้ทานรู้สึกว่าเป็น Tsukemen ที่อร่อยมาก รสชาติเค็มๆ มันๆ หวานปะแหล่มๆ แต่ด้วยความที่เส้นมันเยอะมาก (ก.ล้านตัว) เริ่มจุก ความอร่อยค่อยๆ ลดลงเหลือเป็นความเลี่ยนแทน กว่าจะทานกันหมดแทบแย่ ถ้าเราสั่งปริมาณที่พอเหมาะก็คงจะอร่อยแบบพอดีๆ ค่ะ สรุปคือเราผิดเอง
ป้ายชื่อร้านแบบชัดๆ เพื่อยืนยันว่าไม่ได้มาผิดร้าน 
เมนูภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ เลยจ้า 

สั่งอาหารตรงเคาน์เตอร์หน้าร้านก่อน

มาทั้งทีต้องจัดชุดใหญ่ไปเลย 2 ที่ หารู้ไม่ว่าหายนะกำลังมาเยือน

น้ำดื่มเย็นเจี๊ยบฟรี ส่วนกาด้านขวาเป็นน้ำซุปสำหรับเติม

นั่งมองเส้นที่กำลังถูกลวกอย่างใจจดจ่อ

นำเส้นล้างน้ำเย็น แล้วก็สะบัดๆๆ
มาแล้ว...เส้นเหนียวเด้งสู้ฟัน ส่วนน้ำซุปก็หอม มัน เค็ม มีหวานปะแล่มๆ 

จัดหนักทั้งหมูชาชูสามชั้น ไข่ หน่อไม้ โดยหารู้ไม่ว่าในน้ำซุปมันมีหมูชาชูสามชั้นแอบซุกซ่อนอยู่ด้วยมิใช่น้อย

หินย่างไฟ น้ำซุปเย็นเมื่อไหร่ขอได้ฟรีๆ จ้า
หลังจากอิ่มหนำสำราญแบบจุกๆ เดินเล่นกันใน Landmark plaza ได้ซักพัก ก็เริ่มไม่ไหวละ ความเลี่ยนมันคงทนจริง ๆ เลยเข้าไปในร้าน  Antico café Al Avis ชั้น 3F  ได้กาแฟร้อนกับโกโก้เย็น และช็อกโกเลตหวานๆ ขมๆ มาแก้เลี่ยนกันพอได้บ้าง
สิ่งเหล่านี้มาเพื่อช่วยชีวิตแท้ๆ 
หลังจากนั่งหมดแรงกันอยู่ที่ร้าน Antico café Al Avis ได้พักใหญ่ๆ เราสองคนก็เริ่มเดินกันต่อ จุดหมายต่อไปคือที่ Yokohama Red Brick Warehouse โดยเดินย้อนกลับไปทางสถานี Bashamichi แล้วก็เดินชมทิวทัศน์ข้างทางไปเรื่อยๆ เพลินดีค่ะ ทำให้ระยะทางที่ดูเหมือนจะไกลก็ใกล้ขึ้นมาอีกนิดนึง 





ระหว่างเดินเจอเค้ากำลังแจกกระดาษทิชชู่ เลยได้มาแพคนึง แพคเกจน่ารักโดนใจคนรักน้องหมาน้องแมวอย่างเรามาก

เพิ่งรู้ว่า JICA มี office อยู่ที่โยโกฮาม่าด้วย
 ในที่สุดก็เดินถึง Yokohama Red Brick Warehouse จนได้ ช่วงที่เรามาเป็นฤดูใบไม้ผลิและเป็นช่วงที่ Yokohama Red Brick Warehouse กำลังจัดการแสดง "FLOWER GARDEN 2014” ในธีม “Marriage” พอดี โรแมนติกสุดๆ 







จบแล้วค่ะ จบมันดื้อๆ สำหรับการเที่ยวที่เมือง Yokohama ในวันนี้ พรุ่งนี้เราสองคนจะต้องตื่นกันตั้งแต่ตีสี่เพื่อที่จะไปดูภูเขาไฟฟูจิที่ Kawaguchiko กัน ว่าแต่พรุ่งนี้พวกเราจะตื่นกันไหวไหมเนี่ย... อ้อ! ส่วนมื้อค่ำของเราวันนี้เอาง่ายเข้าว่า ผ่านที่ไหนเห็นอะไรน่าอร่อยก็ซื้อเลย เลยจำไม่ได้ว่าซื้อจากที่ไหนบ้าง อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ โดยเฉพาะแซนวิชของ Meruhen ไม่เคยผิดหวังเลยค่ะ


 เอาล่ะ..อิ่มแล้วนอนได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น