หลังจากเถลไถลอยู่ที่ Matsumoto Kiyoshi
ได้ซักพัก เราสองคนก็เดินมาถึง Decks Tokyo Beach กันซะที โดยจะแบ่งเป็นโซน
Island Mall กับ Seaside Mall มาถึงเราก็ตรงดิ่งไปที่ชั้น 4 ของโซน Seaside Mall ก่อนเลย ซึ่งเป็น “อิชโชเมะโชเต็งไก (1-Chome Shoutengai)” เป็นร้านค้าที่ตกแต่งแบบย้อนยุค
มีทั้งของเล่น ของกิน ของใช้แบบเก่าๆ มากมาย บางอย่างที่เราเคยเห็นตอนเด็กๆ
แล้วหาไม่ได้ที่ไหนแล้ว ก็ลองมาเดินเล่นดูที่นี่ก็ได้ เผื่อจะเจอ เพลินดีเหมือนกันนะ
"ทางเข้าอิชโชเมะโชเต็งไก" |
"สารพัดตู้หยอดเหรียญ" |
"ตู้เกมฮิตๆ สมัยก่อน" |
"เลือกเล่นไม่ถูกเลย" |
"มี Astro boy ด้วย...คิดถึงจัง" |
"ข้างในยังมีอีกเยอะเลย" |
"คำถาม...มีป้ายห้ามจับกี่ป้าย???" |
"ลูกอมสารพัดรส...ตักขายเป็นขีดๆ" |
"รับซาลาเปา เกี๊ยวซ่า เพิ่มไหมคะ" |
"จะลองเสี่ยงเข้าบ้านผีสิงดีไหมน๊า.." |
"เห็นทางเข้าแล้วหลอน...ไม่เข้าดีกว่า" |
เดินเข้ามาด้านในสุดของอิชโชเมะโชเต็งไกก็จะเจอกับ “พิพิธภัณฑ์ทะโกะยะกิ” เป็นที่รวมร้านทะโกะยะกิชื่อดังจากทั่วประเทศ นับๆ ดูก็ประมาณ 5 ร้าน มีทั้งร้านที่มาจาก Osaka ซึ่งเป็นต้นตำรับของทะโกะยะกิ
และร้านจากจังหวัดอื่นๆ ลักษณะคล้ายกับที่โกะโตชิเม็งมัตสึรึของ Aqua
City Odaiba ที่รวมร้านราเม็งที่เราเพิ่งไปกินมื้อกลางวันกันมาเลย ดูแล้วก็งงนิดหน่อยว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ตรงไหน
"ภายในพิพิธภัณฑ์ทาโกะยากิ...แต่น่าจะเรียกว่ารวมร้านทาโกะยากิมากกว่านะ" |
"อีกมุมนึงของพิพิธภัณฑ์" |
"ร้านค้าภายในพิพิธภัณฑ์ ส่วนใหญ่ขายเกี่ยวกับวัตถุดิบและอุปกรณ์การทำทาโกะยากิ รวมทั้งขนมหน้าตาแบบทาโกะยากิด้วย" |
"Glico โอซาก้า...ทริปหน้าเจอกัน" |
"ใครอยากจะเสี่ยงเซียมซีแต่ไม่มีเวลาไปศาลเจ้า ก็มาเสี่ยงได้ที่เครื่องนี้ เซี่ยงแล้วได้คำนายไม่ดี ก็ผูกใบเซียมซีไว้ที่ด้านข้างๆ ได้เลย" |
เดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ทะโกะยะกิแล้ว เราก็จะเดินมาที่ฝั่ง Island
Mall มาแวะดู Tokyo Trick Art Museum ซึ่งอยู่ที่ชั้น
4 เหมือนกัน ที่นี่เหมาะกับการถ่ายภาพมาก ภายที่ถ่ายจะเป็นภาพลักษณะสามมิติคล้ายๆ กับที่พัทยาบ้านเรา แต่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นยุคเอโดะประมาณนั้น
"ป้ายเชิญชวนให้เข้าไปแวะชม Tokyo Trick Art Museum" |
"ประตูทางเข้า Tokyo Trick Art Museum" |
"สองสาวเค้ากำลังคุยอะไรกันอยู่นะ" |
"ขาออกจาก Decks Tokyo Beach เจอร้านเครปน่ากินมาก... แต่อดใจไปกินที่ฮาราจุกุแล้วกัน" |
ใกล้จะสี่โมงเย็นแล้ว เรามีนัดกับ Gundum ตอนห้าโมงเย็น เราสองคนเลยเดินข้ามฝั่งจาก Decks Tokyo Beach มาที่ Diver City Tokyo Plaza
เดินไปก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
"เดินข้ามฝั่งไป Diver City Tokyo Plaza" |
"เดินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว" |
ยังมีเวลาเหลือเยอะเลย
เราสองคนเลยเดินเล่นดูข้างใน Diver
City Tokyo Plaza กันก่อน ข้างในมีร้านโดนใจหลายร้าน อย่าง Hello
Kitty Japan (กรี๊ดๆๆ...โยกี้ถามป้าๆ เป็นอะไร) ร้านมันฝรั่งทอด Calbee
Plus ร้าน Maid Café Maidreamin ร้าน Glico
และอีกหลายๆ ร้าน
ถ้ามาเดินที่นี่ตั้งแต่เช้าสงสัยคงไม่ต้องไปไหนกันแน่ๆ วันนี้
"กรี๊ดๆ....(พอได้แล้วป้า...โยกี้กล่าว)" |
"น่ารัก น่ากิน" |
"น่ารัก...น่าหอบกลับบ้าน" |
"ร้านขนม Kyoro-chan no Okashi na Okashiyasan" |
"ร้านนี้ขายแต่ Glico...ก็มันร้านเค้านี่จะให้เค้าขายอะไร" |
"Rainbow Pocky" |
"Matcha Chocolate Pocky...ไม่แยกขายต้องซื้อยกกล่องเท่านั้น" |
"Hello Kitty เวอร์ชั่น Glico Running" |
"อมยิ้ม Glico" |
"ร้าน The Daiba มีทั้งขนมและของฝากมากมาย" |
"ขนมของ Odiaba คล้ายๆ กับ Shiroi Koibito White Chocolate ของฮอกไกโด" |
"อีกผลิตภัณฑ์นึงของ Odaiba หน้าตาละม้ายคล้าย Strawberry Daifuku" |
"Kitkat ชาเขียว ของฝากยอดฮิต ขนาด 12 ชิ้น 410 เยน" |
"Chibi Marukochan" |
"ร้าน Calbee Plus" |
"เมนูของร้าน Calbee Plus" |
"เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ของกิน...ร้านตุ๊กตาลูกเจี๊ยบน่ารักๆ ก็มีนะ # hiyokochan shop" |
"เอ๊ะ! ร้าน Matsumoto Kiyoshi แวะหน่อยดีกว่า เดินจนปวดเท้าแล้ว ขอลองกอเอี๊ยะแปะฝ่าเท้าไปลองใช้ซัก 1 แพคนะ" |
"สำรวจราคา Anessa สาขานี้ซะหน่อย...ปรากฏว่าราคาเท่ากันเลย" |
"ที่ชั้น 7 มี Gundam Front Tokyo ซี่งรวบรวมโมเดล Gundam และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ Gundam" |
"บริเวณทางเข้า Gundam Front Tokyo" |
ได้เวลาห้าโมงเย็นแล้วไปดู Gundam ยักษ์ที่หน้าห้าง Diver City Tokyo Plaza กันดีกว่า
ว่ากันว่า Gundam ยักษ์นี้มีขนาดเท่าของจริงสูงราวๆ
18 เมตรเห็นจะได้ ว่าแล้วเราสองคนก็เดินออกไปหา Gundam
ยักษ์ทางด้านนอกของตัวห้าง เดินวนรอบห้างอยู่สักพักใหญ่ก็เจอหุ่น Gundam
ยืนสูงตระหง่านรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มมาจับจองพื้นที่ตั้งขากล้องเตรียมถ่ายการแสดงของเจ้า
Gundam นี่แล้ว
สำหรับการแสดงของ Gundam ขอบอกว่าอย่าคาดหวังอะไรกับมันมากว่ามันจะขยับแขน ขยับขา เดินหน้า ถอยหลัง โบกมือทักทายนักท่องเที่ยว มิฉะนั้นอาจผิดหวังเหมือนโยกี้ได้ การแสดงของ Gundam ก็แค่เงยหน้า ก้มหน้า หันหัวซ้าย
หันหัวขวา และพ่นควันออกมา แค่นั้น จบ.... แต่สำหรับเราโอเคนะแค่เห็น Gundam ตัวใหญ่ขนาดนี้แบบจริงๆ
ก็ฟินแล้ว
"โมเดล Gundam รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่างๆ" |
"เดินกันมาพอเริ่มหอบเล็กๆ ก็เจอ Gundam ยักษ์รอต้อนรับอยู่" |
"เด็กน้อยวิ่งเร็วปรื๋อไปหา Gundam" |
"ยืนเฉยๆ แค่นี้ก็ฟินแล้ว" |
ถ่ายรูปกับ Gundam ยักษ์จนหนำใจแล้ว
กลับเข้าไปในห้างหาอะไรกินสำหรับมื้อเย็นกันดีกว่า ร้านนี้เล็งมาตั้งแต่ตอนหาข้อมูลร้านอาหารก่อนเดินทางมาแล้วว่ายังไงต้องกินให้ได้ เพราะคำโฆษณาเรื่องการเสิร์ฟซูชิด้วยขบวนรถไฟ นั่นก็คือ “ร้าน Hokuriku-Toyama
Kaiten-zushi Premium Kai” ร้านนี้จะเป็นซูชิสายพาน
เวลาสั่งอาหารจะสั่งผ่านจอภาพดิจิตอลของแต่ละคน ซึ่งแสดงทั้งภาพและข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่ทางร้านมีให้บริการ สั่งอาหารผ่านจอเสร็จ ซักพักอาหารก็จะถูกเสิร์ฟมาโดยขบวนรถไฟบนสายพานซูชิและมาจอดขบวนตรงหน้าเราแบบพอดีเป๊ะ
พอหยิบจานอาหารหมดแล้วเราก็กดปุ่มให้รถไฟกลับไปยังครัวต่อไป
ซึ่งร้านซูชิสายพานที่บริการแบบนี้มีอยู่หลายร้านหลายยี่ห้อ และที่เราเลือกร้านนี้เพราะมันอยู่ที่
Diver City Tokyo Plaza นั่นเอง
"ร้าน Hokuriku-Toyama Kaiten-zushi Premium Kai ที่ตั้งเป้าว่าจะต้องกินให้ได้ตั้งแต่ก่อนมา” |
"สีสันหน้าร้านเชิญชวนให้เข้าไปยิ่งนัก" |
"สภาพซูชิที่ลองสั่งมาหยั่งเชิงกันก่อน" |
"รู้งี้กินร้านนี้ดีกว่า อย่างน้อยก็มีสาวๆ น่ารักๆ ให้ดู" |
"พิซซ่าหรือสปาเก็ตตี้ก็ได้" |
หลังจากเดินคอตกออกจากร้านเราก็ยังมีภารกิจสุดท้ายสำหรับวันนี้ คือ การถ่ายภาพอ่าวโตเกียว สะพานสายรุ้ง และเทพีเสรีภาพตอนกลางคืน
เราสองคนเดินบนทางเชื่อมกลับมาที่ห้าง Aqua City Odaiba กันอีกครั้ง
บรรยากาศตอนกลางคืนที่นี่สวยมากแต่อากาศก็หนาวมากน่าจะประมาณ 10 องศาเซลเซียสได้ แต่ขนาดอากาศหนาวมากเราก็ยังอยู่ถ่ายรูปสะพานสายรุ้งกันได้เป็นชั่วโมงๆ
กันเลยทีเดียว
"ระหว่างทางเดินกลับไปที่สะพานสายรุ้ง...ที่บันไดทางขึ้นของสถานีโทรทัศน์ฟูจิเปิดไฟสลับสีไปมาสวยงามมาก" |
"สถานีโทรทัศน์ฟูจิยามค่ำคืน" |
"Palette Town เจอกันวันที่ 17 เมษายนนะ รอก่อน" |
"เทพีเสรีภาพกับสะพานสายรุ้งตอนกลางคืน...สวยจัง" |
"ถ่ายตอนกลางคืนค่อยเหมือนสะพานสายรุ้งหน่อย" |
"Tokyo Tower" |
ถ่ายรูปเสร็จก็ได้เวลากลับโรงแรมกันแล้ว
เราก็เดินมาขึ้นรถไฟสาย Yurikamome จากสถานี Daiba (U07) มาลงที่สถานี
Kokusai Tenjijo Seimon (U11) ใช้เดินทางเวลาประมาณ
7 นาที หลังจากนั้นก็เดินต่อมาที่โรงแรมอีกไม่เกิน 10
นาทีก็มาถึง แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้ก่อนขึ้นห้องพัก คือ เราต้องไปติดต่อกับพนักงานโรงแรมเพื่อขอจอง Free Shuttle Bus จากโรงแรมไป Tokyo Disneyland ในวันที่ 16 เมษายน ต้องจองล่วงหน้าไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ
จะได้มีที่นั่ง ซึ่งทางโรงแรมจะมีตารางเวลารถให้เราเลือกว่าจะไปและกลับเวลาไหน หรือเราจะเตรียมดูตารางเวลารถไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาเที่ยวก็ได้
พอมาถึงจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลือกอีก โดยดูรายละเอียดได้ที่นี่
http://www.tokyodisneyresort.jp/en/about/oh/goodn.html
(เฉพาะโรงแรมที่เป็น
Good
Neighbor กับโรงแรมในเครือของ Tokyo Disney Resort เท่านั้น) แค่นี้ก็ประหยัดค่าเดินทางไปได้อีกเยอะ อิๆๆ
แต่เมื่อกี้ยังกินไม่อิ่มเลย เราสองคนเลยแวะไปสำรวจ Lawson ที่อยู่ชั้น 2 ของโรงแรมหน่อย ของกินเยอะดี และน่ากินกว่า Minimart
บ้านเรามาก (อยากถ่ายรูปแต่ก็กลัวเค้าว่า เลยไม่กล้าถ่ายเลย) เราเลยลองซื้อซูชิของ
Lawson มาชิมซิว่าจะเป็นยังไงบ้าง ดูหน้าตาก็น่ากินใช้ได้
พอมากินอยากจะบอกว่าอร่อยกว่าซูชิสายพานอีกอ่ะ
"อร่อยกว่าซูชิสายพาน 6 ชิ้น 409 เยนเอง" |
นอกจากนี้ก็มีพวกของกินจุ๊บจิ๊บ อย่างหนวดปลาหมึกแห้งดองน้ำส้มสายชู
กินคำแรกกลิ่นน้ำส้มสายชูฉุนขึ้นจมูกเลย รสชาติก็เปรี๊ยวจี๊ดนำมาเลย
มีกลิ่นปลาหมึกออกจะคาวนิดๆ โยกี้กินแล้วไม่ชอบเลย ด้วยความเสียดายเราต้องรับผิดชอบกินให้หมด กินไปกินมาความอร่อยเริ่มมาละ
วันหลังติดใจยังไปซื้อมากินอีก
"กินไปกินมาก็อร่อยดีแฮะ ราคา 204 เยน" |
นอกจากนี้ก็มีมันฝรั่งทอด Calbee ทำเป็นแท่งกลมยาวขนาดพอดีๆ ที่เลือกมาเป็นรส original รสชาติกรอบๆ เค็มๆ มันๆ ดี แต่ก็กินกันไม่หมด ถึงขนาดเก็บที่กินเหลือกลับมากินต่อที่กรุงเทพฯ
ก็ยังไม่หมดเลย (สุดท้ายก็ต้องทิ้ง อาจจะเปิดไว้นานแล้วกินไม่หมดซักทีจากกรอบเลยกลายเป็นแข็งโป๊กไปแล้ว)
สุดท้ายที่จะแนะนำของฝากสุดฮิตอีกอย่างเห็นเค้าเรียกกันว่า “ทาโร่ไส้ชีส” บ้าง หรือ “ทาโร่ชีส” เฉยๆ บ้าง ด้วยความอยากลองเลยซื้อมาชิมดู เราว่ามันไม่ใช่ทาโร่นะแต่มันเป็นชีสที่เอามาตัดเป็นเส้นๆ ส่วนขาวๆ ด้านนอกที่คล้ายกับทาโร่ก็น่าจะเป็นเปลือกด้านนอกที่หุ้มชีสอยู่ สำหรับรสชาติก็อร่อยแบบชีสนี่แหล่ะ เอากลับมาบ้านด้วย ปรากฏว่าพ่อชอบมากกินหมดเลย
"Calbee ขนมสุดฮิต ราคา 149 เยน" |
"กรอบๆ เค็มๆ มันๆ...คำเตือน เปิดกล่องแล้วควรกินให้หมด มิฉะนั้นฟันอาจจะหักได้" |
สุดท้ายที่จะแนะนำของฝากสุดฮิตอีกอย่างเห็นเค้าเรียกกันว่า “ทาโร่ไส้ชีส” บ้าง หรือ “ทาโร่ชีส” เฉยๆ บ้าง ด้วยความอยากลองเลยซื้อมาชิมดู เราว่ามันไม่ใช่ทาโร่นะแต่มันเป็นชีสที่เอามาตัดเป็นเส้นๆ ส่วนขาวๆ ด้านนอกที่คล้ายกับทาโร่ก็น่าจะเป็นเปลือกด้านนอกที่หุ้มชีสอยู่ สำหรับรสชาติก็อร่อยแบบชีสนี่แหล่ะ เอากลับมาบ้านด้วย ปรากฏว่าพ่อชอบมากกินหมดเลย
เฮ้อ!! วันแรกของการมาญี่ปุ่นกำลังจะหมดไปแล้ว
พรุ่งนี้มีนัดกับ Hachiko แถว Shibuya ต่อด้วยย่าน Ebisu ย่าน Shinjuku และย่าน Harajuku ไว้จะมาสู่กันฟังอีกนะ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น