kitty wedding

kitty wedding

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วันที่ 9 เมษายน 2557 สำรวจโอไดบะ (ตอนที่ 3)

หลังจากเถลไถลอยู่ที่ Matsumoto Kiyoshi ได้ซักพัก เราสองคนก็เดินมาถึง Decks Tokyo Beach กันซะที โดยจะแบ่งเป็นโซน Island Mall กับ Seaside Mall  มาถึงเราก็ตรงดิ่งไปที่ชั้น 4 ของโซน Seaside Mall  ก่อนเลย ซึ่งเป็น อิชโชเมะโชเต็งไก (1-Chome Shoutengai)” เป็นร้านค้าที่ตกแต่งแบบย้อนยุค มีทั้งของเล่น ของกิน ของใช้แบบเก่าๆ มากมาย  บางอย่างที่เราเคยเห็นตอนเด็กๆ แล้วหาไม่ได้ที่ไหนแล้ว ก็ลองมาเดินเล่นดูที่นี่ก็ได้ เผื่อจะเจอ เพลินดีเหมือนกันนะ

"ทางเข้าอิชโชเมะโชเต็งไก"

"สารพัดตู้หยอดเหรียญ"

"ตู้เกมฮิตๆ สมัยก่อน"

"เลือกเล่นไม่ถูกเลย"

"มี Astro boy ด้วย...คิดถึงจัง"
 
"ข้างในยังมีอีกเยอะเลย"

"คำถาม...มีป้ายห้ามจับกี่ป้าย???"

"ลูกอมสารพัดรส...ตักขายเป็นขีดๆ"

"รับซาลาเปา เกี๊ยวซ่า เพิ่มไหมคะ"

"จะลองเสี่ยงเข้าบ้านผีสิงดีไหมน๊า.."

"เห็นทางเข้าแล้วหลอน...ไม่เข้าดีกว่า"

เดินเข้ามาด้านในสุดของอิชโชเมะโชเต็งไกก็จะเจอกับ พิพิธภัณฑ์ทะโกะยะกิ เป็นที่รวมร้านทะโกะยะกิชื่อดังจากทั่วประเทศ นับๆ ดูก็ประมาณ 5 ร้าน มีทั้งร้านที่มาจาก Osaka ซึ่งเป็นต้นตำรับของทะโกะยะกิ และร้านจากจังหวัดอื่นๆ ลักษณะคล้ายกับที่โกะโตชิเม็งมัตสึรึของ Aqua City Odaiba ที่รวมร้านราเม็งที่เราเพิ่งไปกินมื้อกลางวันกันมาเลย ดูแล้วก็งงนิดหน่อยว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ตรงไหน

"ภายในพิพิธภัณฑ์ทาโกะยากิ...แต่น่าจะเรียกว่ารวมร้านทาโกะยากิมากกว่านะ"

"อีกมุมนึงของพิพิธภัณฑ์"

"ร้านค้าภายในพิพิธภัณฑ์ ส่วนใหญ่ขายเกี่ยวกับวัตถุดิบและอุปกรณ์การทำทาโกะยากิ
รวมทั้งขนมหน้าตาแบบทาโกะยากิด้วย" 

"Glico อซาก้า...ทริปหน้าเจอกัน"

"ใครอยากจะเสี่ยงเซียมซีแต่ไม่มีเวลาไปศาลเจ้า ก็มาเสี่ยงได้ที่เครื่องนี้
เซี่ยงแล้วได้คำนายไม่ดี ก็ผูกใบเซียมซีไว้ที่ด้านข้างๆ ได้เลย"

เดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ทะโกะยะกิแล้ว เราก็จะเดินมาที่ฝั่ง Island Mall มาแวะดู Tokyo Trick Art Museum ซึ่งอยู่ที่ชั้น 4 เหมือนกัน ที่นี่เหมาะกับการถ่ายภาพมาก ภายที่ถ่ายจะเป็นภาพลักษณะสามมิติคล้ายๆ กับที่พัทยาบ้านเรา แต่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นยุคเอโดะประมาณนั้น 


"ป้ายเชิญชวนให้เข้าไปแวะชม Tokyo Trick Art Museum"

"ประตูทางเข้า Tokyo Trick Art Museum"

"สองสาวเค้ากำลังคุยอะไรกันอยู่นะ"

"ขาออกจาก Decks Tokyo Beach เจอร้านเครปน่ากินมาก...
แต่อดใจไปกินที่ฮาราจุกุแล้วกัน"

ใกล้จะสี่โมงเย็นแล้ว เรามีนัดกับ Gundum ตอนห้าโมงเย็น เราสองคนเลยเดินข้ามฝั่งจาก Decks Tokyo Beach มาที่ Diver City Tokyo Plaza เดินไปก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว

"เดินข้ามฝั่งไป Diver City Tokyo Plaza"
"เดินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว"
ยังมีเวลาเหลือเยอะเลย เราสองคนเลยเดินเล่นดูข้างใน Diver City Tokyo Plaza กันก่อน ข้างในมีร้านโดนใจหลายร้าน อย่าง Hello Kitty Japan (กรี๊ดๆๆ...โยกี้ถามป้าๆ เป็นอะไร) ร้านมันฝรั่งทอด Calbee Plus ร้าน Maid Café Maidreamin ร้าน Glico และอีกหลายๆ ร้าน ถ้ามาเดินที่นี่ตั้งแต่เช้าสงสัยคงไม่ต้องไปไหนกันแน่ๆ วันนี้

"กรี๊ดๆ....(พอได้แล้วป้า...โยกี้กล่าว)"

"น่ารัก น่ากิน"

"น่ารัก...น่าหอบกลับบ้าน"
"ร้านขนม Kyoro-chan no Okashi na Okashiyasan"

                "ร้านนี้ขายแต่ Glico...ก็มันร้านเค้านี่จะให้เค้าขายอะไร" 

"Rainbow Pocky"

"Matcha Chocolate Pocky...ไม่แยกขายต้องซื้อยกกล่องเท่านั้น"

"Hello Kitty เวอร์ชั่น Glico Running"

"อมยิ้ม Glico" 
"ร้าน The Daiba มีทั้งขนมและของฝากมากมาย"

"ขนมของ Odiaba คล้ายๆ กับ Shiroi Koibito White Chocolate ของฮอกไกโด"

"อีกผลิตภัณฑ์นึงของ Odaiba หน้าตาละม้ายคล้าย Strawberry Daifuku"

"Kitkat ชาเขียว ของฝากยอดฮิต ขนาด 12 ชิ้น 410 เยน"

"Chibi Marukochan"

"ร้าน Calbee Plus"

"เมนูของร้าน Calbee Plus"

"เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ของกิน...ร้านตุ๊กตาลูกเจี๊ยบน่ารักๆ ก็มีนะ # hiyokochan shop"

"เอ๊ะ! ร้าน Matsumoto Kiyoshi แวะหน่อยดีกว่า เดินจนปวดเท้าแล้ว ขอลองกอเอี๊ยะแปะฝ่าเท้าไปลองใช้ซัก 1 แพคนะ"

"สำรวจราคา Anessa สาขานี้ซะหน่อย...ปรากฏว่าราคาเท่ากันเลย"
"ที่ชั้น 7 มี  Gundam Front Tokyo ซี่งรวบรวมโมเดล Gundam และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ Gundam"

"บริเวณทางเข้า Gundam Front Tokyo"

ได้เวลาห้าโมงเย็นแล้วไปดู Gundam ยักษ์ที่หน้าห้าง Diver City Tokyo Plaza กันดีกว่า ว่ากันว่า Gundam ยักษ์นี้มีขนาดเท่าของจริงสูงราวๆ 18 เมตรเห็นจะได้ ว่าแล้วเราสองคนก็เดินออกไปหา Gundam ยักษ์ทางด้านนอกของตัวห้าง เดินวนรอบห้างอยู่สักพักใหญ่ก็เจอหุ่น Gundam ยืนสูงตระหง่านรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มมาจับจองพื้นที่ตั้งขากล้องเตรียมถ่ายการแสดงของเจ้า Gundam นี่แล้ว 

สำหรับการแสดงของ Gundam ขอบอกว่าอย่าคาดหวังอะไรกับมันมากว่ามันจะขยับแขน ขยับขา เดินหน้า ถอยหลัง โบกมือทักทายนักท่องเที่ยว มิฉะนั้นอาจผิดหวังเหมือนโยกี้ได้ การแสดงของ Gundam ก็แค่เงยหน้า ก้มหน้า หันหัวซ้าย หันหัวขวา และพ่นควันออกมา แค่นั้น จบ.... แต่สำหรับเราโอเคนะแค่เห็น Gundam ตัวใหญ่ขนาดนี้แบบจริงๆ ก็ฟินแล้ว 

"โมเดล Gundam รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่างๆ" 

"เดินกันมาพอเริ่มหอบเล็กๆ ก็เจอ Gundam ยักษ์รอต้อนรับอยู่"

"เด็กน้อยวิ่งเร็วปรื๋อไปหา Gundam"

"ยืนเฉยๆ แค่นี้ก็ฟินแล้ว"
ถ่ายรูปกับ Gundam ยักษ์จนหนำใจแล้ว กลับเข้าไปในห้างหาอะไรกินสำหรับมื้อเย็นกันดีกว่า ร้านนี้เล็งมาตั้งแต่ตอนหาข้อมูลร้านอาหารก่อนเดินทางมาแล้วว่ายังไงต้องกินให้ได้ เพราะคำโฆษณาเรื่องการเสิร์ฟซูชิด้วยขบวนรถไฟ  นั่นก็คือ ร้าน Hokuriku-Toyama Kaiten-zushi Premium Kai” ร้านนี้จะเป็นซูชิสายพาน เวลาสั่งอาหารจะสั่งผ่านจอภาพดิจิตอลของแต่ละคน ซึ่งแสดงทั้งภาพและข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่ทางร้านมีให้บริการ  สั่งอาหารผ่านจอเสร็จ ซักพักอาหารก็จะถูกเสิร์ฟมาโดยขบวนรถไฟบนสายพานซูชิและมาจอดขบวนตรงหน้าเราแบบพอดีเป๊ะ พอหยิบจานอาหารหมดแล้วเราก็กดปุ่มให้รถไฟกลับไปยังครัวต่อไป ซึ่งร้านซูชิสายพานที่บริการแบบนี้มีอยู่หลายร้านหลายยี่ห้อ และที่เราเลือกร้านนี้เพราะมันอยู่ที่ Diver City Tokyo Plaza นั่นเอง  

"ร้าน Hokuriku-Toyama Kaiten-zushi Premium Kai ที่ตั้งเป้าว่าจะต้องกินให้ได้ตั้งแต่ก่อนมา”
"สีสันหน้าร้านเชิญชวนให้เข้าไปยิ่งนัก"
ร้านนี้ต้องรอคิวกันพอสมควรแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ พอถึงคิวเราที่จะได้เข้าไปกิน เราสังเกตว่าทำไมซูชิบนสายพานมันถึงได้แห้งเฉาจัง ก็เลยคุยกับโยกี้ว่าเราสั่งแบบทำใหม่ๆ ดีกว่าแต่ก็สั่งไม่เยอะขอลองเชิงก่อนกัน ที่สั่งมาก็เป็นซูชิหน้าปลาทั้งหลาย (ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาฮามาจิ ฯลฯ) ซักพักพนักงานยกจานมาเสิร์ฟ เอ๊ะ??? ไหนว่าเสิร์ฟโดยรถไฟ แต่ก็ช่างมันเถอะ คนอาจจะเยอะรถไฟคงจะกลับไปที่ครัวไม่ทันมั้ง มาดูซูชิกันดีกว่า...แบบว่าหน้าตาก็โอเคกว่าที่วางอยู่บนสายพานนิดนึง รสชาติอาจจะสดน้อยกว่าที่คาดหวังไว้บ้าง แต่ก็พอกินได้อยู่ เราก็กินเท่าที่สั่งในรอบแรกไม่ได้สั่งเพิ่ม เบ็ดเสร็จรวมแล้วก็ 1,890 เยน 


"สภาพซูชิที่ลองสั่งมาหยั่งเชิงกันก่อน"

"รู้งี้กินร้านนี้ดีกว่า อย่างน้อยก็มีสาวๆ น่ารักๆ ให้ดู"

"พิซซ่าหรือสปาเก็ตตี้ก็ได้"

หลังจากเดินคอตกออกจากร้านเราก็ยังมีภารกิจสุดท้ายสำหรับวันนี้  คือ การถ่ายภาพอ่าวโตเกียว สะพานสายรุ้ง และเทพีเสรีภาพตอนกลางคืน เราสองคนเดินบนทางเชื่อมกลับมาที่ห้าง Aqua City Odaiba  กันอีกครั้ง บรรยากาศตอนกลางคืนที่นี่สวยมากแต่อากาศก็หนาวมากน่าจะประมาณ 10 องศาเซลเซียสได้ แต่ขนาดอากาศหนาวมากเราก็ยังอยู่ถ่ายรูปสะพานสายรุ้งกันได้เป็นชั่วโมงๆ กันเลยทีเดียว


"ระหว่างทางเดินกลับไปที่สะพานสายรุ้ง...ที่บันไดทางขึ้นของสถานีโทรทัศน์ฟูจิเปิดไฟสลับสีไปมาสวยงามมาก"

"สถานีโทรทัศน์ฟูจิยามค่ำคืน"

"Palette Town เจอกันวันที่ 17 เมษายนนะ รอก่อน"

"เทพีเสรีภาพกับสะพานสายรุ้งตอนกลางคืน...สวยจัง"
  
"ถ่ายตอนกลางคืนค่อยเหมือนสะพานสายรุ้งหน่อย"

"Tokyo Tower"

ถ่ายรูปเสร็จก็ได้เวลากลับโรงแรมกันแล้ว เราก็เดินมาขึ้นรถไฟสาย Yurikamome จากสถานี Daiba (U07) มาลงที่สถานี Kokusai Tenjijo Seimon (U11) ใช้เดินทางเวลาประมาณ 7 นาที หลังจากนั้นก็เดินต่อมาที่โรงแรมอีกไม่เกิน 10 นาทีก็มาถึง แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้ก่อนขึ้นห้องพัก คือ เราต้องไปติดต่อกับพนักงานโรงแรมเพื่อขอจอง Free Shuttle Bus จากโรงแรมไป Tokyo Disneyland ในวันที่ 16 เมษายน ต้องจองล่วงหน้าไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ จะได้มีที่นั่ง ซึ่งทางโรงแรมจะมีตารางเวลารถให้เราเลือกว่าจะไปและกลับเวลาไหน หรือเราจะเตรียมดูตารางเวลารถไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาเที่ยวก็ได้ พอมาถึงจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลือกอีก  โดยดูรายละเอียดได้ที่นี่ http://www.tokyodisneyresort.jp/en/about/oh/goodn.html
(เฉพาะโรงแรมที่เป็น Good Neighbor กับโรงแรมในเครือของ Tokyo Disney Resort เท่านั้น) แค่นี้ก็ประหยัดค่าเดินทางไปได้อีกเยอะ อิๆๆ

แต่เมื่อกี้ยังกินไม่อิ่มเลย เราสองคนเลยแวะไปสำรวจ Lawson ที่อยู่ชั้น 2 ของโรงแรมหน่อย ของกินเยอะดี และน่ากินกว่า Minimart บ้านเรามาก (อยากถ่ายรูปแต่ก็กลัวเค้าว่า เลยไม่กล้าถ่ายเลย) เราเลยลองซื้อซูชิของ Lawson มาชิมซิว่าจะเป็นยังไงบ้าง ดูหน้าตาก็น่ากินใช้ได้ พอมากินอยากจะบอกว่าอร่อยกว่าซูชิสายพานอีกอ่ะ  


"อร่อยกว่าซูชิสายพาน 6 ชิ้น 409 เยนเอง"

นอกจากนี้ก็มีพวกของกินจุ๊บจิ๊บ อย่างหนวดปลาหมึกแห้งดองน้ำส้มสายชู กินคำแรกกลิ่นน้ำส้มสายชูฉุนขึ้นจมูกเลย รสชาติก็เปรี๊ยวจี๊ดนำมาเลย มีกลิ่นปลาหมึกออกจะคาวนิดๆ โยกี้กินแล้วไม่ชอบเลย  ด้วยความเสียดายเราต้องรับผิดชอบกินให้หมด  กินไปกินมาความอร่อยเริ่มมาละ วันหลังติดใจยังไปซื้อมากินอีก


"กินไปกินมาก็อร่อยดีแฮะ ราคา 204 เยน"

นอกจากนี้ก็มีมันฝรั่งทอด Calbee ทำเป็นแท่งกลมยาวขนาดพอดีๆ  ที่เลือกมาเป็นรส original รสชาติกรอบๆ เค็มๆ มันๆ ดี แต่ก็กินกันไม่หมด ถึงขนาดเก็บที่กินเหลือกลับมากินต่อที่กรุงเทพฯ ก็ยังไม่หมดเลย (สุดท้ายก็ต้องทิ้ง อาจจะเปิดไว้นานแล้วกินไม่หมดซักทีจากกรอบเลยกลายเป็นแข็งโป๊กไปแล้ว) 
"Calbee ขนมสุดฮิต ราคา 149 เยน"

"กรอบๆ เค็มๆ มันๆ...คำเตือน เปิดกล่องแล้วควรกินให้หมด มิฉะนั้นฟันอาจจะหักได้"

สุดท้ายที่จะแนะนำของฝากสุดฮิตอีกอย่างเห็นเค้าเรียกกันว่า ทาโร่ไส้ชีสบ้าง หรือ ทาโร่ชีสเฉยๆ บ้าง ด้วยความอยากลองเลยซื้อมาชิมดู  เราว่ามันไม่ใช่ทาโร่นะแต่มันเป็นชีสที่เอามาตัดเป็นเส้นๆ ส่วนขาวๆ ด้านนอกที่คล้ายกับทาโร่ก็น่าจะเป็นเปลือกด้านนอกที่หุ้มชีสอยู่ สำหรับรสชาติก็อร่อยแบบชีสนี่แหล่ะ เอากลับมาบ้านด้วย  ปรากฏว่าพ่อชอบมากกินหมดเลย  

"อร่อยแบบชีสๆ ถ้าจำไม่ผิดราคา 132 เยน"

เฮ้อ!! วันแรกของการมาญี่ปุ่นกำลังจะหมดไปแล้ว พรุ่งนี้มีนัดกับ  Hachiko แถว Shibuya ต่อด้วยย่าน Ebisu ย่าน Shinjuku และย่าน Harajuku ไว้จะมาสู่กันฟังอีกนะ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น