เตรียมตัวก่อนเดินทาง
ก่อนอื่นต้องขอนั่ง Time Machine ย้อนไปเมื่อปี 2001 ที่ยังเป็นละอ่อน ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการมิตรภาพสำหรับศตวรรษที่ 21
หรือ ASEAN – Youth Friendship Program for the 21st Century ทำให้ได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นประมาณ 1 เดือน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ประทับใจไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะเป็น Host family เพื่อนๆ เยาวชนไทยและอาเซียนด้วยกัน
และที่สำคัญที่สุดคือความเป็นประเทศญี่ปุ่นเอง และวันนึงเมื่อเราได้เจอคนที่เรารัก
เราก็อยากจะแบ่งปันความรู้สึกประทับใจให้แก่คนที่เรารักด้วย ดังนั้น จุดหมายของการ Honeymoon ของเราก็จะต้องเป็นประเทศญี่ปุ่นอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย
คำถามต่อมา คือ จะเที่ยวง้อทัวร์
หรือเที่ยวด้วยตนเองดี
โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบไปกับคนเยอะๆ และอยากเที่ยวตามใจตัวเองมากกว่า หันไปมองตามร้านหนังสือต่างๆ
หนังสือนำเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองก็เยอะ มองกลับมาที่เจ้า notebook
เครื่องเก่ง สื่อออนไลน์ต่างๆ เองก็แยะ งั้น...ไปเที่ยวเองเลยดีกว่า อุ๊ต๊ะ! แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว
การเที่ยวเองครั้งแรกก็ขอเลือกเมืองใหญ่ๆ
ก่อนแล้วกันนะ อย่างน้อยป้ายต่างๆ ก็น่าจะมีภาษาอังกฤษมากกว่า ถ้าบังอาจคิดจะใช้ภาษาญี่ปุ่นที่เคยลงทุนไปร่ำเรียนมา 39
ชั่วโมงก็ส่งคืนอาจารย์ไปเรียบร้อยแล้ว
สุดท้ายทริปแรกของเราสองคนก็เลยเลือกเที่ยวโตเกียวและเมืองข้างเคียงก่อน (ทริปหน้าค่อยว่ากันใหม่)...ช่วงเวลาก็ต้องเป็นช่วงที่วันหยุดติดๆ
กันเยอะหน่อยซึ่งก็คงไม่พ้นช่วงสงกรานต์...แล้วการเดินทางล่ะ
อายุปูนนี้แล้วขอเดินทางแบบสบายๆ หน่อยละกันนะ เลยตั้งโจทย์ไว้ว่าขอเป็นเที่ยวบินตรง
โรงแรมที่พักไม่ต้องอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวก็ได้ขอแค่มีรถ Airport
Limousine รับ-ส่งระหว่างสนามบินกับโรงแรมก็พอแล้ว จะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋ายักษ์คนละสองใบขึ้นลงรถไฟ ถ้าไม่เช่นนั้นไม่ใครก็ใครคงได้เดี้ยงกันไปก่อน
มากันที่สายการบินที่เราจะเลือกก่อนว่าจะเป็นสายการบินอะไรดี
สายการบินที่บินตรงเท่าที่นึกได้ตอนนั้นก็มี สายการบินไทย... All Nippon
Airways….Japan Airlines ขอบอกก่อนว่าแผนเที่ยวครั้งนี้ทำล่วงหน้าเกือบปี
แผนที่วางไว้คือไปช่วงสงกรานต์ปี 2557
ขณะที่เรากำลังนั่งดูตั๋วเครื่องบินนั้นเป็นวันที่ 10 สิงหาคม 2556 ราคาตั๋วเปรียบเทียบ 3 สายการบินนี้แล้ว Japan
Airlines ราคาน่าคบสุด สำหรับชั้นประหยัดราคารวมภาษีแล้วคิดเป็นเงิน 25,845 บาทต่อคน
ตอนนั้นก็ชั่งใจว่าจะซื้อเลยดีไหมแถมที่นั่งเรายังสามารถเลือกเองตรงหน้า
website ได้เลย ที่นั่งดีๆ ว่างเพียบ
แต่อีกใจก็คิดว่าถ้ารอใกล้ๆ วันเดินทางเกิดมีโปรโมชั่นดีๆ
ราคาถูกกว่านี้คงเสียดายแย่ มารู้สึกตัวอีกทีเราก็
click ซื้อตั๋วไปแล้ว ณ วันนั้นเอง (นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย) ตกลงว่าได้ซื้อตั๋วเดินทางดังนี้
วันที่ 9 เมษายน 2557 เที่ยวบิน JL
718 (BANGKOK –
TOKYO (Narita)) เวลา
00.20 น. – 08.35 น.
วันที่ 18 เมษายน 2557 เที่ยวบิน JL
707 (TOKYO (Narita) - BANGKOK) เวลา 17.55 น. – 22.35 น.
ข้อดีของการบินโดย JAL นอกจากจะเป็นสายการบินเดียวกับที่เราไปญี่ปุ่นครั้งแรกแล้ว
(ระลึกความหลังนิดนึง) JAL ยังมีสิ่งดึงดูดพิเศษให้ คือ
ถ้านั่งชั้น Economy หรือ Premium Economy จะสามารถโหลดกระเป๋าได้ 2 ใบ
ใบละไม่เกิน 23 กิโลกรัม รวมแล้วก็สามารถหอบหิ้วสัมภาระได้คนละ 46 กิโลกรัม
สำหรับชั้นธุรกิจกับชั้น First Class จะโหลดได้ 3 ใบ ใบละ 32
กิโลกรัม รวมแล้วก็ 96 กิโลกรัมกันเลยทีเดียว (ปลื้มอ่ะ)
ส่วนกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องนอกจากกระเป๋าสะพายใส่ของส่วนตัวแล้ว
ยังหิ้วกระเป๋าขนาดไม่เกิน 115 เซนติเมตร น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัมได้อีกด้วย แต่เรื่องจองตั๋วล่วงหน้าเกือบปีเนี่ย ก็เกิด event
ขึ้นจนได้ ไว้จะค่อยเล่าให้ฟังกันต่อไปนะคะ
ต่อไปก็เป็นโรงแรม เราเลือกจองผ่าน Booking.com
เนื่องจากราคาที่ปรากฏบนหน้า web ส่วนใหญ่เป็นราคาที่รวมภาษีแล้ว
หน้า web เท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น ช่วงที่เราไปมีโรงแรมที่มีรถรับ-ส่งจากสนามบินมาโรงแรมไม่กี่โรงแรม โรงแรมที่ราคาปานกลาง ดูแล้วผู้คนไม่น่าจะพลุกพล่าน
แถมมี Lawson อยู่ที่ชั้น
2 ของโรงแรมด้วย (มีที่ฝากท้องแล้วเรา) และที่สำคัญมีบริการรถรับ-ส่งฟรีระหว่างโรงแรมกับ
Disney Resort (Disneyland และ Disneysea) ด้วย นั่นคือ โรงแรม Hotel Sunroute Ariake อยู่ที่ Odiaba
นั่นเอง ราคาค่าห้องพักสำหรับ
Economy Double Room ขนาดห้อง 17 ตารางเมตร
ทั้งหมด 9 คืน รวมแล้ว 121,500 เยน เป็นราคาแบบไม่รวมอาหารเช้า
ถ้ารวมอาหารเช้าด้วยตก 1,470 เยนต่อคนต่อคืน เรื่องโรงแรมที่ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความคับแคบของห้องอยู่แล้ว ทุกพื้นที่จะถูกใช้สอยอย่างคุ้มค่าที่สุด ดังนั้น ก็เลยทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามันน่าจะแคบนะ (ตอนนั้นจินตนาการขนาดห้องไม่ถูกจริงๆ)
ตั๋วเครื่องบินก็ซื้อมาแล้ว
โรงแรมก็ได้แล้ว ระหว่างรอวันเดินทางเราก็เตรียมหาข้อมูลและแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้า
ปรับเปลี่ยนแผนไปมาจนกระทั่งอาทิตย์สุดท้ายก่อนการเดินทางก็ยังต้องมีการปรับเปลี่ยน
เพราะต้องคอยเช็คพยากรณ์ทั้งอากาศและวันบานของดอกซากุระ
ครั้งนี้เป้าหมายอย่างน้อยต้องเห็นภูเขาไฟฟูจิแบบไม่มีเมฆมาบดบัง และไปให้ทันเห็นซากุระซักต้นก็ยังดี
ที่เหลือยังไงก็ได้ยืดหยุ่นๆ จะได้ไม่เครียด
แต่แล้ว event ก็เกิดขึ้นกับตั๋วเครื่องบินจนได้ แต่ก็แก้สถานการณ์ได้ทัน เนื่องจากเราเป็นคนที่คนข้างจะย้ำคิดย้ำทำ ถึงจะซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว เลือกที่นั่งฝั่งซ้ายริมหน้าต่างเผื่อว่าจะเห็นภูเขาไฟฟูจิจากเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังชอบ log in เข้าไปดูใน web ของสายการบินบ่อยๆ ว่าที่นั่งที่เราเลือกไว้ยังเหมือนเดิมอยู่เปล่า และแล้วในคืนวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งมันควรจะเป็นวันที่แสนโรแมนติค เราก็เข้า log in ดูเป็นปกติ เอ้ย...ตาฝาดไปหรือเปล่า ขาไปตั๋วเราจองไว้วันที่ 9 เมษายน 2557 เที่ยวบิน JL 718 ถึงสนามบิน Narita เวลา 08.35 น. นี่นา ทำไมกลายเป็นเที่ยวบิน JL 032 ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 9.45 น. ถึงที่สนามบิน Haneda เวลา 17.55 น. เอาล่ะหว่า...งานเข้า...ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องเสียวันเที่ยวไป 1 วันเต็มๆ เลย จะโทรไปสายการบินก็ค่ำแล้ว แถมพรุ่งนี้ยังติดเสาร์-อาทิตย์ไม่ทำงานกันอีก เล่นเอานอนไม่หลับเลย ระหว่างเสาร์-อาทิตย์ก็ตั้งสติมาดูตารางบินของ JAL อีกที จึงถึงบางอ้อว่ามีการเปลี่ยนแปลงตารางบินจาก winter เป็น summer นี่เอง เที่ยวบินที่เราจองไว้ยกเลิกทางสายการบินเลยเปลี่ยนเที่ยวบินให้เราโดยอัตโนมัติ วันจันทร์แปดโมงเช้ารีบโทรไปสอบถามทันที (ทั้งๆ ที่รู้สาเหตุแล้ว) เป็นอย่างที่คาดไว้ แต่ที่สงสัยคือ ทำไมเราไม่ได้รับการติดต่อจากสายการบินว่ามีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เพราะคิดว่าโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์มาหาทางแก้ไขดีกว่า ว่าจะสามารถเปลี่ยนเที่ยวบินให้เราเดินทางถึงเช้าวันที่ 9 เมษายน ได้หรือเปล่า จะลงที่ Narita หรือ Haneda ก็ได้ไม่เกี่ยง พนักงานสายการบินก็ดีมากๆ (ไม่ผิดหวังจริงๆ) ช่วยเปลี่ยนเที่ยวบินเป็น JL 034 เดินทางวันที่ 8 เมษายน 2557 เวลา 22.00 น. ถึงสนามบิน Haneda วันที่ 9 เมษายน 2557 เวลา 06.10 น. โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แถมหาที่นั่งที่ติดกันสองที่ให้อีกด้วย แต่ก็ได้ที่นั่งตรงกลางเกือบท้ายๆ เครื่อง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเรื่องที่นั่งค่อยไปเปลี่ยนที่หลังก็ได้ (ณ ตอนนั้นคิดแค่ว่าขอให้มีที่นั่งก็พอ) สุดท้ายเราเข้าไป check ที่นั่งทุกวันใน web จนได้ที่นั่งติดกันด้านซ้ายริมหน้าต่างจนได้แถมอยู่กลางๆ เครื่องด้วย (เอาซี้...)
แต่แล้ว event ก็เกิดขึ้นกับตั๋วเครื่องบินจนได้ แต่ก็แก้สถานการณ์ได้ทัน เนื่องจากเราเป็นคนที่คนข้างจะย้ำคิดย้ำทำ ถึงจะซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว เลือกที่นั่งฝั่งซ้ายริมหน้าต่างเผื่อว่าจะเห็นภูเขาไฟฟูจิจากเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังชอบ log in เข้าไปดูใน web ของสายการบินบ่อยๆ ว่าที่นั่งที่เราเลือกไว้ยังเหมือนเดิมอยู่เปล่า และแล้วในคืนวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งมันควรจะเป็นวันที่แสนโรแมนติค เราก็เข้า log in ดูเป็นปกติ เอ้ย...ตาฝาดไปหรือเปล่า ขาไปตั๋วเราจองไว้วันที่ 9 เมษายน 2557 เที่ยวบิน JL 718 ถึงสนามบิน Narita เวลา 08.35 น. นี่นา ทำไมกลายเป็นเที่ยวบิน JL 032 ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 9.45 น. ถึงที่สนามบิน Haneda เวลา 17.55 น. เอาล่ะหว่า...งานเข้า...ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องเสียวันเที่ยวไป 1 วันเต็มๆ เลย จะโทรไปสายการบินก็ค่ำแล้ว แถมพรุ่งนี้ยังติดเสาร์-อาทิตย์ไม่ทำงานกันอีก เล่นเอานอนไม่หลับเลย ระหว่างเสาร์-อาทิตย์ก็ตั้งสติมาดูตารางบินของ JAL อีกที จึงถึงบางอ้อว่ามีการเปลี่ยนแปลงตารางบินจาก winter เป็น summer นี่เอง เที่ยวบินที่เราจองไว้ยกเลิกทางสายการบินเลยเปลี่ยนเที่ยวบินให้เราโดยอัตโนมัติ วันจันทร์แปดโมงเช้ารีบโทรไปสอบถามทันที (ทั้งๆ ที่รู้สาเหตุแล้ว) เป็นอย่างที่คาดไว้ แต่ที่สงสัยคือ ทำไมเราไม่ได้รับการติดต่อจากสายการบินว่ามีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เพราะคิดว่าโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์มาหาทางแก้ไขดีกว่า ว่าจะสามารถเปลี่ยนเที่ยวบินให้เราเดินทางถึงเช้าวันที่ 9 เมษายน ได้หรือเปล่า จะลงที่ Narita หรือ Haneda ก็ได้ไม่เกี่ยง พนักงานสายการบินก็ดีมากๆ (ไม่ผิดหวังจริงๆ) ช่วยเปลี่ยนเที่ยวบินเป็น JL 034 เดินทางวันที่ 8 เมษายน 2557 เวลา 22.00 น. ถึงสนามบิน Haneda วันที่ 9 เมษายน 2557 เวลา 06.10 น. โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แถมหาที่นั่งที่ติดกันสองที่ให้อีกด้วย แต่ก็ได้ที่นั่งตรงกลางเกือบท้ายๆ เครื่อง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเรื่องที่นั่งค่อยไปเปลี่ยนที่หลังก็ได้ (ณ ตอนนั้นคิดแค่ว่าขอให้มีที่นั่งก็พอ) สุดท้ายเราเข้าไป check ที่นั่งทุกวันใน web จนได้ที่นั่งติดกันด้านซ้ายริมหน้าต่างจนได้แถมอยู่กลางๆ เครื่องด้วย (เอาซี้...)
เพื่อความไม่ประมาทเรื่องโรงแรมเพราะจองล่วงหน้าไว้เกือบปีพอกัน
เราก็เลย e-mail ไปที่โรงแรมโดยตรงอีกทีว่าฉันไปแน่ ๆ นะ ก็ได้รับ e-mail ยืนยันกลับมาจากโรงแรมว่าได้รับข้อมูลการจองห้องของเรามาแล้ว
เพียงแต่ข้อมูลที่โรงแรมได้รับจาก Booking.com ระบุว่าเราจองเป็นห้องสูบบุหรี่
แต่ทางโรงแรมได้เปลี่ยนเป็นห้องไม่สูบบุหรี่ให้เราตามที่เรา mail ยืนยันให้เรียบร้อยแล้ว (เอาแล้วไง...จำได้ว่าตอนที่จองผ่าน Booking.com
ใน web เค้าก็เขียนชัดเจนนะว่าป็นห้องไม่สูบบุหรี่ แต่โชคดีแล้วที่เรา e-mail ไปยืนยันอีกทีไม่งั้นคงต้องดมกลิ่นบุหรี่ไป 10 วันเต็มๆ)
สรุปได้ว่าในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นที่ไหน
หลังจากจองไปแล้ว ควรเช็คความถูกต้องว่าเรากับโรงแรมได้รับข้อมูลเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องไปเถียงกับพนักงานโรงแรมตอนที่เราเดินทางไปถึง...เข้าใจตรงกันนะ
(555) ทีสำคัญ print e-mail ทั้งของโรงแรมและ web ที่จองโรงแรมติดตัวเผื่อความอุ่นใจไปด้วยก็ดี
สำหรับแผนการเดินทางโดยสรุปของเรามีดังนี้
วันที่ 8 เมษายน ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ
เวลา 22.00 น.
วันที่ 9 เมษายน ถึงสนาม Haneda เวลา 06.10 น. เดินทางไปโรงแรม Hotel Sunroute Ariake โดย Airport Limousine
bus หลังจากฝากกระเป๋าแล้ว ไปเดินเล่นแถวๆ ห้าง Aqua City Odaiba ห้าง Decks TokyoBeach และห้าง DiverCityTokyo Plaza
วันที่ 18 เมษายน เดินทางกลับประเทศไทย ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 23.00 น.
จริงๆ เรื่องการเตรียมตัวการเดินทางมีรายละเอียดอีกเยอะ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์ต่างๆ ที่เหมาะกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ เอาเป็นว่าสไตล์ใครก็สไตล์ใครแล้วกัน พูดถึงอุปกรณ์เราเอาปลัํกรางจากบ้านไปด้วย ใช้ประโยชน์ได้ดีมาก เสียบปลัํกได้เยอะดี แต่ก็อย่าลืมเอา adapter ไปด้วย มิฉะนั้น อุปกรณ์ไฟฟ้าของเราอาจพังได้ แต่ปัจจุบันอุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างก็สามารถรองรับไฟฟ้า 100-240 V ได้ ก็ใช้ได้เลยไม่ต้องมี adapter แต่ก็อย่าลืมเอาปลั๊กต่อแบบหัวแบนไปด้วย ไม่งั้นจะใช้ไม่ได้ เอาล่ะ...เริ่มต้นขอคร่าวๆ เท่านี้ก่อนดีกว่า
เอาไว้ค่อยมาเล่ารายละเอียดการเดินทางในแต่ละวันต่อไปละกันจ้า...
ทำสวยดี ไว้สอนเค้าบ้างนะ เค้าทำไม่ค่อยสวย
ตอบลบได้...ตอนนี้ก็ลองฝึกทำอยู่เหมือนกัน แก้เครียด
ลบ