หลังจากฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ตามแผนของวันนี้คือไปเที่ยวแถวๆ
ที่พัก ที่จะไปก็มีห้าง Decks Tokyo Beach ห้าง Aqua
City Odaiba และห้าง Diver City Tokyo Plaza (มีแต่เที่ยวห้าง) โรงแรมที่เราพักจะมีสถานีรถไฟใกล้ๆ อยู่ 2 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟ Kokusai-Tenjijo จะให้บริการสาย Rinkai เหมาะสำหรับเข้าไปเที่ยวในโตเกียว ส่วนอีกสถานีนึงคือ
สถานีรถไฟ Kokusai-Tenjijo Seimon ให้บริการสาย Yurikamome เหมาะสำหรับการเที่ยวภายในโอไดบะ ซึ่งวันนี้เราจะวนเวียนอยู่แต่ในโอไดบะ
ดังนั้น เราจึงเลือกใช้บริการรถไฟสาย Yurikamome กัน
แต่ก่อนจะใช้บริการเรามารู้จักรถไฟสายนี้กันสักเล็กน้อยดีกว่า
รถไฟสาย Yurikamome เป็นรถไฟสายแรกของโตเกียวที่ควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด พูดง่ายๆ คือ
วิ่งได้โดยไม่ต้องมีคนขับ มีทั้งหมด 16 สถานี
เริ่มต้นที่สถานี Shimbashi (U01) สิ้นสุดที่สถานี Toyosu
(U16) ส่วนสถานีรถไฟ Kokusai – Tenjijo Seimon เป็นสถานีที่ U11 ราคาตั๋วรถไฟแต่ละเที่ยวขึ้นอยู่กับระยะทาง
เริ่มต้นตั้งแต่ 190 เยนจนถึง 380 เยนต่อเที่ยว แต่รถไฟสายนี้ก็มีบัตรแบบ One-day Pass เหมือนกันนะ สามารถขึ้นลงรถไฟสาย Yurikamome กี่เที่ยวก็ได้ตลอดทั้งวัน ราคาบัตรเหมาจ่ายคนละ 820 เยน(รวมภาษีเรียบร้อยแล้ว)
สามารถซื้อได้ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติทุกสถานีของสาย Yurikamome ดังนั้น ก่อนการเดินทางถ้าเราทำแผนการเดินทางในแต่ละวันได้จะดีมากๆ
เพราะจะช่วยให้เราสามารถประหยัดค่าเดินทางในแต่ละวันได้เยอะทีเดียว
นอกจากนี้ในแต่ละสถานีจะมีสัญลักษณ์ของแต่ละสถานีด้วย
อย่างสถานีที่เราใช้อยู่เป็นประจำสัญลักษณ์ก็จะเป็นดอกซากุระสีชมพู
(ถูกใจคนบ้าสีชมพูอย่างเจ๊มาก 555)
ถ้าใครสนใจดูรายละเอียดได้ที่ https://www.yurikamome.co.jp/en/
|
"สถานีรถไฟ Shimbashi (U01) จุด start สำหรับสาย Yurikamome"
|
|
"ซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ตู้นี้" |
|
"บรรยากาศภายในรถไฟสาย Yurikamome" |
|
"ที่นั่งด้านหน้าสุดของขบวน สามารถเก็กท่าเป็นคนขับรถไฟได้ (ถ้าไม่อาย)" |
|
"มุมมองที่นั่งด้านหน้าขบวน" |
|
"list icon หรือสัญลักษณ์ประจำสถานีต่างๆ ของสาย Yurikamome ป้ายนี้อยู่ที่สถานี Shimbashi (U01)" |
|
"ที่สถานี Kokusai-Tenjijo Siemon กับวิวอ่าวโตเกียว" |
|
"Icon ประจำสถานี U11 ลาย Cherry Blossom" |
เป้าหมายแรกที่จะไปคือ Decks Tokyo Beach จากสถานี
U11 ไปลงที่สถานี Odaiba-Kaihinkoen (U06)
เดิมตั้งใจจะเดินเล่นที่นี่ก่อน แต่ห้างยังไม่เปิด (เปิด 11 โมง) เราสองคนเลยเดินต่อไปอีกนิด ใกล้ๆ
กันคือ ห้าง Aqua City Odaiba
ซึ่งก็ยังไม่เปิดเหมือนกัน
แต่ตรงระเบียงของห้างเป็นจุดชมวิวและจุดถ่ายภาพอ่าวโตเกียว สะพานสายรุ้ง (Rainbow
Bridge) และเทพีเสรีภาพขนาดจำลอง ตรงสวนสาธารณะ Odaiba
Kaihin เลยได้ไปถ่ายรูปวิวสวยๆ รอเวลาห้างเปิดไปพลางก่อน และที่นี่ก็เป็นที่แรกที่ได้สัมผัสกับต้นซากุระที่ดอกกำลังบานเต็มที่เลย (จวนเจียนจะร่วงแล้ว) ดีใจมาก ไม่คิดว่าจะได้เจอกันตั้งแต่วันแรกที่มาถึง
|
"ลงจากสถานี 06 เดินต่อไปอีกนิดก็ถึง Decks Tokyo Beach แล้ว" |
|
"ฝั่งตรงข้ามเป็น Diver City Tokyo Plaza" |
|
"ตึก Fuji Television อยู่ตรงข้าม Aqua City Odaiba เลย" |
|
"บริเวณลานกว้างของ Aqua City Odaiba ไว้ชมวิวอ่าวโตเกียว สะพานสายรุ้ง และเทพีเสรีภาพขนาดจำลอง" |
|
"เทพีเสรีภาพจำลองกับสะพานสายรุ้งยามเที่ยง" |
|
"ถ่ายกับซากุระซะหน่อย" |
(เสียง...จ๊อกๆ
โครกคราก) เอ๊ะ! เสียงอะไร
อ้อ! เสียงท้องเราสองคนเอง ห้างเปิดพอดีเข้าไปสำรวจของกินกันที่ Aqua
City Odaiba ก่อนเลยดีกว่า
|
"แหล่งขุมทรัพย์อาหารใน Aqua City Odaiba มีแทบทุกชั้น" |
หลังจากเล็งอยู่สักพัก
เราสองคนเลือกราเมงเป็นอาหารมื้อแรกของการเดินทางครั้งนี้ โซนที่เราไปกินราเมงกัน เรียกว่า “โกะโตชิเม็งมัตสึรึ
(Gotouchimenmatsuri)” ซึ่งเป็นการนำร้านอาหารชื่อดังจากภูมิภาคต่างๆ
ของญี่ปุ่นมารวมกันไว้ในที่เดียว (แต่ที่เห็นรู้สึกว่าจะเน้นราเม็งกับเกี๊ยวซ่าเป็นหลักนะ)
วิธีการสั่งอาหารง่ายนิดเดียว ยกมือขึ้น ชี้ไปที่รูป ชูนิ้วจำนวนชามที่ต้องการ จ่ายเงินแล้วรอรับอาหาร
ก็ได้ราเม็งอร่อยๆ มากินละ (แล้วที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นมา เพื่ออะไรกัน ห๋า!)
|
"บรรดาเมนูราเมงที่โกะโตชิเม็งมัตสึริ ชั้น 5 ของ Aqua City Odaiba" |
|
"ทางเข้าของโกะโตชิเม็งมัตสึริ" |
|
"แผนผังร้าน ชอบร้านไหนก็จัดไปอย่าให้เสีย" |
|
"บรรยากาศภายในโกะโตชิเม็งมัตสึริ" |
|
"ร้านเกี็ยวซ่าที่ตั้งใจจะลองแต่จุกราเมงซะก่อน อดเลย...ด้านซ้ายมือเป็นตู้น้ำดื่ม ไม่ว่ากินอาหารร้านไหน ก็ดื่มได้ฟรี" |
ขอรีวิวราเมงกันเล็กน้อย ราเมงทั้งสองชามที่เราเลือกเป็นราเมงสไตล์
Hakata
จากเมือง Fukuoka เส้นเป็นแบบเส้นเล็ก ส่วนน้ำซุปทำจากกระดูกหมู
รสชาติเข้มข้น ต่างกันตรงที่ชามของเราเป็นหมูชาชูและน้ำซุป ซึ่งได้กลิ่นและรสชาติของกระเทียมเล็กน้อย
ส่วนของโยกี้เป็นหมูสามชั้นแบบบาร์บีคิว
สำหรับคนไม่ค่อยชอบราเมงแบบเรากินแล้วก็รู้สึกว่าอร่อยดี
ดูเหมือนจะเลี่ยนแต่ก็ไม่เลี่ยน กินจนหมดชามเลย (เอ...หรือว่าหิว)
ส่วนโยกี้เป็นคนชอบกินราเมงแต่ไม่ชอบเส้นเล็ก
เลยให้ความเห็นว่าถ้าเป็นราเม็งเส้นอ้วนคงจะอร่อยกว่านี้ อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะ
|
"ร้าน らーめん二男坊 เป็นร้านที่เราสองคนเลือก...สั่งเสร็จก็คุยกันว่าทำไมเราไม่เลือกชิมกันคนละร้านล่ะ...นั่นซิ...สายไปละ" |
|
"เมนูของโยกี้...เส้นและน้ำซุปเหมือนกัน แต่ชามนี้เป็นหมูสามชั้น...อ้วนๆๆ" |
|
"เมนูของเรา..หมูชาชูธรรมดาแต่น้ำซุปมีกลิ่นกระเทียมเล็กน้อย..อ้วนน้อยกว่านิดนุง" |
พอท้องอิ่มแล้วก็เดินเล่นใน Aqua City Odaiba
กันดูซะหน่อย ก่อนออกจากห้างเราก็ไม่ลืมที่จะซื้อตั๋วเข้า Disneyland
แบบ 1 day passport ที่ Disney store ชั้น 3 ของห้างก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวซื้อตั๋วที่ Disneyland อีก
ราคาตั๋วต่อคน 6,400 เยน เข้าได้ตั้งแต่สวนสนุกเปิดจนปิดเลย
แต่เนื่องจากตั๋วจะเป็นตั๋วแบบระบุวัน ดังนั้น
ก่อนซื้อตั๋วควรดูพยากรณ์อากาศให้ดีก่อนว่าวันที่เราจะไปไม่มีฝนไม่มีพายุจะได้ไม่ต้องมานั่งเซ็งทีหลัง
|
"ร้านขาย Totoro...น่ารักจัง" |
|
"ร้านขายน้องหมาภายในห้าง น้องๆ ดูท่าทางจะะอยู่ดีกินดีพอสมควร" |
|
"ค่าตัวแพงกว่าเอาเรื่องนะเนี่ย" |
|
"น้องแมวก็มี น่ารักจัง" |
|
"แวะซื้อ Disney 1 day passport ล่วงหน้าได้ที่นี่" |
|
"ตั๋ว Disneyland แบบ 1 day passport" |
ได้เวลาไป Decks Tokyo Beach แล้ว
เดินย้อนกลับไปทางสถานี U06 ระหว่างทางเดินผ่านร้าน Matsumoto
Kiyoshi แวะดูสินค้าหน่อยซิว่ามีอะไรน่าสนใจไหม
|
"ราคายังไม่โดน" |
ดูแล้วสาขานี้ราคายังไม่โดน เอาไว้ก่อนดีกว่า
เผื่อเจอสาขาอื่นที่ถูกกว่า ระหว่างทางก็แวะร้านสะดวกซื้อ ซื้อกาแฟและชาเขียวมาชิมกันคนละแก้ว จำราคาแต่ละแก้วไม่ได้แล้ว แต่รวมกันสองแก้วราคา 388 เยน รสชาติอร่อยดี ไม่หวานจัด ชอบๆ
|
"กาแฟ Maxim ของโยกี้ ขอเราชาเขียวมัชชะ" |
ใกล้จะเดินถึง Decks Tokyo Beach ละ ความจริงก็ไม่ได้ไกลจากกันเท่าไหร่หรอก แต่มัวแวะโน่นแวะนี่กัน กว่าจะถึง...เอาไว้มาเล่าต่อตอนต่อไปดีกว่านะ...^__^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น