kitty wedding

kitty wedding

วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วันที่ 10 เมษายน 2557 ตอนที่ 2 ชิมเบียร์ที่ Yebisu Garden Place

             ทริปตอนนี้เอาใจโยกี้กับคนที่ชอบดื่มเบียร์ สำหรับการเดินทางจาก Shibuya มา Yebisu Garden Place สามารถเดินทางโดยการนั่งรถไฟสาย JR Yamanote (inner loop) หรือ JR Saikyo ลงที่สถานี Ebisu ค่ารถไฟ 140 เยนต่อคน แต่ถ้าซื้อตั๋ว Tokunai Pass มาแล้วก็ไม่ต้องเสียค่ารถไฟอีก พอถึงสถานี Ebisu แล้วเดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเจอป้าย Yebisu Sky walk ให้เดินไปตามทางเลยจนถึงทางออกก็จะเจอ Ebisu Garden Hall 


"ถ้าเห็นป้าย Yebisu Sky Walk แสดงว่าไม่หลงละ"

"อยากได้ข้อมูล Yebisu Garden Place เพิ่มเติมแวะที่นี่ได้เลย"
"ข้ามทางม้าลายไปก็ถึง  Yebisu Garden Place แล้ว"
"Sapporo Beer Station ที่ซึ่งเราจะมากินข้าวกลางวันและชิมเบียร์กัน"

ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธีก็รีบหาที่นั่งกินอาหารเช้ารองท้องกันก่อน เริ่มจากข้าวปั้นที่ซื้อมาจากร้าน Omusubi Jukichi ที่ห้าง Tokyu สาขา Shibuya กันเลยดีกว่า เป็น set ข้าวปั้น 1 กล่อง ราคา 497 เยน ประกอบด้วย ข้าวปั้น 2 ก้อน (ไส้อะไรก็ไม่รู้ตอนซื้อเค้าจัดเป็น set ไว้แล้ว) ไข่หวาน 2 ชิ้น และไก่คาราอะเกะ 3-4 ชิ้น 

"ได้เวลาเปิดกล่องอาหารเช้า..."
         
        ข้าวปั้นก้อนแรกที่ห่อด้วยสาหร่ายที่แท้ก็เป็นไส้ปลาแซลมอนนั่นเอง ส่วนข้าวก็เหนียวอร่อยดี ซึ่งร้านนี้เค้าบอกว่าข้าวที่นำมาทำเป็นข้าวปั้นเป็นข้าวสายพันธุ์ Koshihikari จากจังหวัด Yamagata เราก็ไม่รู้ว่ามันต่างจากข้าวสายพันธุ์อื่นของญี่ปุ่นยังไง เพราะกินแล้วมันก็อร่อยเหมือนกันหมด 


"ลุ้นๆ มันไส้อะไรน๊า"

"ที่แท้ก็ไส้ปลาแซลมอนนั่นเอง...แต่ว่าปลามันน้อยไปหน่อยไหม"
       
      ส่วนข้าวปั้นสีออกกะปิๆ ผสมงาดำกินแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นข้าวปั้นรสอะไร แต่ที่แน่ๆ มันไม่มีไส้ และรสสัมผัสเหมือนกินข้าวหลาม เหนียวๆ หนึบๆ แต่ไม่หวาน ก็เลยกินแกล้มกับไก่คาราอะเกะและไข่หวานย่าง ซึ่งไก่คาราอาเกะรู้สึกได้กลิ่นขิงนิดๆ ด้วย  สำหรับมื้อนี้ถือว่าอร่อยแบบธรรมดาๆ


"เหนียวนุ่มเค็มๆ มันๆ ดี แต่รสอะไรก็ไม่รู้สิ"

"นั่งชมความสวยงามของตัวอาคารระหว่างกินข้าวปั้นรองท้อง"

เรามาต่อของหวานกันดีกว่า สตรอว์เบอร์รี่ที่หอบหิ้วมาด้วยยังอยู่ดีหรือไม่ เฮ้อ! ค่อยยังชั่วยังอยู่ดี ไม่เละ และไม่ช้ำแต่ประการใด สตรอว์เบอร์รี่ที่เราซื้อมาเป็นพันธุ์  "Yumenoka" แปลได้ว่ากลิ่นหอมของความฝัน ซึ่งก็คงจะจริงพอเปิดแพคออกกินหอมของสตรอว์เบอร์รี่ก็ปะทะเข้ากับจมูกเลย  ส่วนสีสรรก็แดงแปร๊ดมาก กัดเข้าไปหนึ่งคำเนื้อข้างในสีขาวจั๋วหน้าเจี๊ยะหวานมากๆ 

"สตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์  Yumenoka 1 แพค 480 เยนเท่านั้น"

"ขนาดกำลังดี สีแดงแปร๊ด มันคือกลิ่นหอมของความฝัน"

รองท้องเรียบร้อยแล้ว ไปเดินหา Museum of Yebisu Beer กันดีกว่า เราสองคนเดินวนหาอยู่นานเหมือนกัน ตอนแรกหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ทีแท้ทางเข้ามันอยู่ข้างล่างนี่เอง โดยเดินเข้าทางห้าง Mitsukoshi  ชั้น B1F ด้านทิศตะวันตก

"เดินหาทางไป Museum of Yebisu Beer "

"ทางเข้า Museum of Yebisu Beer อยู่ที่ห้าง Mitsukoshi ชั้น B1F ด้านซ้ายมือ"
"เจอแล้วทางเข้า Museum"
"พอเดินทะลุห้าง Mitsukoshi เราก็จะพบกับทางเข้า Museum of Yebisu Beer"

"Museum of Yebisu Beer...ถึงแล้ว"

"เปิด 11.00 - 19.00 น. ปิดวันจันทร์
(ถ้าวันหยุดพิเศษตรงกับวันจันทร์ก็จะปิดวันอังคารแทน) ที่สำคัญเข้าชมฟรีจ้า"
"ของรักของข้า..."
"ทางลงไป Museum"

"เบียร์ในยุคต่างๆ"

"แก้วเบียร์ในปี 1900"
  
"Beer tap ปี 1933"
"โฆษณาเบียร์แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น"

"โปสเตอร์โฆษณาเบียร์อีกรูปแบบ"

"ไอเดียดีจัง"
"เทพ Ebisu เป็น 1 ใน 7 เทพเจ้าแห่งความสุขของญี่ปุ่น
              Ebisu เป็นเทพเจ้าแห่งประมง การค้า โชคลาภ และความสมบูรณ์
              สัญลักษณ์มือซ้ายอุ้มปลา มือขวาถือเบ็ด หน้าตา happy happy" 
 หลังจากเดินดูพิพิธภัณฑ์จนทั่วแล้ว ถึงเวลาอาหารกลางวันที่รอคอยแล้ว เดินออกจาก Museum of Yebisu Beer กลับมาที่ Sapporo Beer Station มาถึงขอ check เมนูหน่อยซิ มีเมนูที่เราตั้งใจมากินยังมีอยู่ไหมนะ


"ตรวจสอบเมนู set อาหารกลางวัน ปรากฏว่าเมนูที่ตั้งใจมากินหายไป 1 เมนู"
พอเดินเข้าไปในร้าน พนักงานจะถามว่ามากี่คน (พนักงานที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้) แล้วพาเราไปยังที่นั่ง หลังจากนั้นเค้าจะเสิร์ฟน้ำเย็นให้ (ที่ญี่ปุ่นตามร้านอาหารจะมีบริการน้ำดื่มฟรี บางที่ก็เป็นน้ำเปล่าเย็น บางทีก็เป็นชาเขียวร้อน) 

"บรรยากาศภายในร้าน ออกแนวตะวันตก"

เมนูที่เราสั่งมี 2 เมนู เมนูแรก เป็น Hamburg สไตล์ตะวันตกเป็นเนื้อบดโปะหน้าด้วยชีสหนึ่งแผ่น ราดด้วย Gravy Sauce ผสมสารพัดเห็ดและมะเขือเทศสับ มีบร็อคโคลี่กับมะเขือม่วงเคียง จานนี้เสิร์ฟคู่กับข้าวสวย 1 จาน  รสชาติออกเปรี๊ยวนำเค็มตามนิดหน่อย มีรสหวานประแหล่มๆ  ไม่จัดจ้าน ส่วนเนื้อนุ่มฉุ่มฉ่ำดี จัดว่าอร่อยทีเดียว (แต่ถ้าเข้มข้นกว่านี้จะอร่อยมาก เราว่ายังจืดไปหน่อย) สำหรับจานนี้ชอบมะเขือม่วงที่สุด ราคา 980 เยน

"วัตถุดิบทุกอย่างดีหมด...แต่ถ้าเข้มข้นกว่านี้จะอร่อยมากทีเดียว"

เมนูที่ 2 ข้าวหน้าสเต๊กเนื้อ ตอนที่เห็นจานนี้ถูกเสิร์ฟ ความรู้สึกแรกคือ ทำไมน้อยจัง เป็นเนื้อสเต๊กบางๆ 2 ชิ้นโปะบนข้าวราด Gravy Sauce เล็กน้อย มีผักสลัดและมันฝรั่งบดเคียง  ข้าวเหมือนจะผัดเนยมาเพราะรู้สึกจะมันแต่ก็ไม่มันมาก  รสชาติจืดไปหน่อยถ้าเค็มอีกนิดคงจะอร่อยเหาะ ผักสลัดกรอบหวานดี แต่เอ๊ะ! ลืมราดน้ำสลัดมาหรือเปล่า ส่วนมันบดอร่อยสุดยอด เสิร์ฟมาพร้อมซุปใส 1 ถ้วยเล็ก ค่าเสียหายสำหรับจานนี้ 950 เยน

"อร่อยนะ ถือว่าไม่ผิดหวังแต่น้อยไปหน่อยสำหรับเรา...แก้วที่เห็นข้างๆ คือแก้วซุป"
มาถึงถิ่นจะไม่ชิมเบียร์คงจะไม่ได้ หน้าที่นี้ยกให้เป็นของโยกี้ เบียร์ Yebisu มีหลายแบบหลายสีมาก โยกี้เองก็เลือกไม่ถูก  วนนิ้วไปมาตกลงเลือกสีกลางๆ แก้วนี้ละกัน สำหรับรสชาติโยกี้บอกว่าอร่อยแบบธรรมดาๆ แต่มานั่งกินในร้านมันยิ่งทำให้อร่อยขึ้น เรียกว่ามากินบรรยากาศมากกว่า

"มาถึงถิ่นต้องชิมนิดนึง แก้วนี้ 570 เยน"
"ผมมากินบรรยากาศครับ"
เอาล่ะ...กินบรรยากาศกันพอแล้ว สถานีต่อไปเราจะไป Harajuku กัน คราวนี้ถึงคิวเราไปกินเครปบ้างแล้ว ^_^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น