"ถ้าเห็นป้าย Yebisu Sky Walk แสดงว่าไม่หลงละ" |
"อยากได้ข้อมูล Yebisu Garden Place เพิ่มเติมแวะที่นี่ได้เลย" |
"ข้ามทางม้าลายไปก็ถึง Yebisu Garden Place แล้ว" |
"Sapporo Beer Station ที่ซึ่งเราจะมากินข้าวกลางวันและชิมเบียร์กัน" |
ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธีก็รีบหาที่นั่งกินอาหารเช้ารองท้องกันก่อน
เริ่มจากข้าวปั้นที่ซื้อมาจากร้าน Omusubi Jukichi ที่ห้าง Tokyu สาขา Shibuya กันเลยดีกว่า
เป็น set
ข้าวปั้น 1 กล่อง ราคา 497 เยน
ประกอบด้วย ข้าวปั้น 2 ก้อน (ไส้อะไรก็ไม่รู้ตอนซื้อเค้าจัดเป็น
set ไว้แล้ว) ไข่หวาน 2 ชิ้น และไก่คาราอะเกะ
3-4 ชิ้น
"ได้เวลาเปิดกล่องอาหารเช้า..." |
ข้าวปั้นก้อนแรกที่ห่อด้วยสาหร่ายที่แท้ก็เป็นไส้ปลาแซลมอนนั่นเอง ส่วนข้าวก็เหนียวอร่อยดี ซึ่งร้านนี้เค้าบอกว่าข้าวที่นำมาทำเป็นข้าวปั้นเป็นข้าวสายพันธุ์ Koshihikari จากจังหวัด Yamagata เราก็ไม่รู้ว่ามันต่างจากข้าวสายพันธุ์อื่นของญี่ปุ่นยังไง เพราะกินแล้วมันก็อร่อยเหมือนกันหมด
"ลุ้นๆ มันไส้อะไรน๊า" |
"ที่แท้ก็ไส้ปลาแซลมอนนั่นเอง...แต่ว่าปลามันน้อยไปหน่อยไหม" |
ส่วนข้าวปั้นสีออกกะปิๆ ผสมงาดำกินแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นข้าวปั้นรสอะไร แต่ที่แน่ๆ มันไม่มีไส้ และรสสัมผัสเหมือนกินข้าวหลาม เหนียวๆ หนึบๆ แต่ไม่หวาน ก็เลยกินแกล้มกับไก่คาราอะเกะและไข่หวานย่าง ซึ่งไก่คาราอาเกะรู้สึกได้กลิ่นขิงนิดๆ ด้วย สำหรับมื้อนี้ถือว่าอร่อยแบบธรรมดาๆ
"เหนียวนุ่มเค็มๆ มันๆ ดี แต่รสอะไรก็ไม่รู้สิ" |
"นั่งชมความสวยงามของตัวอาคารระหว่างกินข้าวปั้นรองท้อง" |
เรามาต่อของหวานกันดีกว่า สตรอว์เบอร์รี่ที่หอบหิ้วมาด้วยยังอยู่ดีหรือไม่ เฮ้อ! ค่อยยังชั่วยังอยู่ดี ไม่เละ และไม่ช้ำแต่ประการใด สตรอว์เบอร์รี่ที่เราซื้อมาเป็นพันธุ์ "Yumenoka" แปลได้ว่ากลิ่นหอมของความฝัน ซึ่งก็คงจะจริงพอเปิดแพคออกกินหอมของสตรอว์เบอร์รี่ก็ปะทะเข้ากับจมูกเลย ส่วนสีสรรก็แดงแปร๊ดมาก กัดเข้าไปหนึ่งคำเนื้อข้างในสีขาวจั๋วหน้าเจี๊ยะหวานมากๆ
"สตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์ Yumenoka 1 แพค 480 เยนเท่านั้น" |
"ขนาดกำลังดี สีแดงแปร๊ด มันคือกลิ่นหอมของความฝัน" |
รองท้องเรียบร้อยแล้ว ไปเดินหา Museum of Yebisu
Beer กันดีกว่า เราสองคนเดินวนหาอยู่นานเหมือนกัน
ตอนแรกหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ทีแท้ทางเข้ามันอยู่ข้างล่างนี่เอง โดยเดินเข้าทางห้าง
Mitsukoshi ชั้น B1F
ด้านทิศตะวันตก
"เดินหาทางไป Museum of Yebisu Beer " |
"ทางเข้า Museum of Yebisu Beer อยู่ที่ห้าง Mitsukoshi ชั้น B1F ด้านซ้ายมือ" |
"เจอแล้วทางเข้า Museum" |
"พอเดินทะลุห้าง Mitsukoshi เราก็จะพบกับทางเข้า Museum of Yebisu
Beer" |
"Museum of Yebisu Beer...ถึงแล้ว" |
"เปิด 11.00 - 19.00 น. ปิดวันจันทร์ (ถ้าวันหยุดพิเศษตรงกับวันจันทร์ก็จะปิดวันอังคารแทน) ที่สำคัญเข้าชมฟรีจ้า" |
"ของรักของข้า..." |
"ทางลงไป Museum" |
"เบียร์ในยุคต่างๆ" |
"แก้วเบียร์ในปี 1900" |
"Beer tap ปี 1933" |
"โฆษณาเบียร์แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น" |
"โปสเตอร์โฆษณาเบียร์อีกรูปแบบ" |
"ไอเดียดีจัง" |
"เทพ Ebisu เป็น 1 ใน 7 เทพเจ้าแห่งความสุขของญี่ปุ่น Ebisu เป็นเทพเจ้าแห่งประมง การค้า โชคลาภ และความสมบูรณ์ สัญลักษณ์มือซ้ายอุ้มปลา มือขวาถือเบ็ด หน้าตา happy happy" |
"ตรวจสอบเมนู set อาหารกลางวัน ปรากฏว่าเมนูที่ตั้งใจมากินหายไป 1 เมนู" |
พอเดินเข้าไปในร้าน พนักงานจะถามว่ามากี่คน
(พนักงานที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้) แล้วพาเราไปยังที่นั่ง
หลังจากนั้นเค้าจะเสิร์ฟน้ำเย็นให้ (ที่ญี่ปุ่นตามร้านอาหารจะมีบริการน้ำดื่มฟรี
บางที่ก็เป็นน้ำเปล่าเย็น บางทีก็เป็นชาเขียวร้อน)
"บรรยากาศภายในร้าน ออกแนวตะวันตก" |
เมนูที่เราสั่งมี 2 เมนู เมนูแรก เป็น Hamburg สไตล์ตะวันตกเป็นเนื้อบดโปะหน้าด้วยชีสหนึ่งแผ่น ราดด้วย Gravy Sauce ผสมสารพัดเห็ดและมะเขือเทศสับ มีบร็อคโคลี่กับมะเขือม่วงเคียง จานนี้เสิร์ฟคู่กับข้าวสวย 1 จาน รสชาติออกเปรี๊ยวนำเค็มตามนิดหน่อย มีรสหวานประแหล่มๆ ไม่จัดจ้าน ส่วนเนื้อนุ่มฉุ่มฉ่ำดี จัดว่าอร่อยทีเดียว (แต่ถ้าเข้มข้นกว่านี้จะอร่อยมาก เราว่ายังจืดไปหน่อย) สำหรับจานนี้ชอบมะเขือม่วงที่สุด ราคา 980 เยน
"วัตถุดิบทุกอย่างดีหมด...แต่ถ้าเข้มข้นกว่านี้จะอร่อยมากทีเดียว" |
เมนูที่ 2 ข้าวหน้าสเต๊กเนื้อ ตอนที่เห็นจานนี้ถูกเสิร์ฟ
ความรู้สึกแรกคือ ทำไมน้อยจัง เป็นเนื้อสเต๊กบางๆ 2 ชิ้นโปะบนข้าวราด
Gravy Sauce เล็กน้อย มีผักสลัดและมันฝรั่งบดเคียง ข้าวเหมือนจะผัดเนยมาเพราะรู้สึกจะมันแต่ก็ไม่มันมาก
รสชาติจืดไปหน่อยถ้าเค็มอีกนิดคงจะอร่อยเหาะ
ผักสลัดกรอบหวานดี แต่เอ๊ะ! ลืมราดน้ำสลัดมาหรือเปล่า ส่วนมันบดอร่อยสุดยอด
เสิร์ฟมาพร้อมซุปใส 1 ถ้วยเล็ก ค่าเสียหายสำหรับจานนี้ 950
เยน
"อร่อยนะ ถือว่าไม่ผิดหวังแต่น้อยไปหน่อยสำหรับเรา...แก้วที่เห็นข้างๆ คือแก้วซุป" |
มาถึงถิ่นจะไม่ชิมเบียร์คงจะไม่ได้
หน้าที่นี้ยกให้เป็นของโยกี้ เบียร์ Yebisu มีหลายแบบหลายสีมาก
โยกี้เองก็เลือกไม่ถูก
วนนิ้วไปมาตกลงเลือกสีกลางๆ แก้วนี้ละกัน สำหรับรสชาติโยกี้บอกว่าอร่อยแบบธรรมดาๆ
แต่มานั่งกินในร้านมันยิ่งทำให้อร่อยขึ้น เรียกว่ามากินบรรยากาศมากกว่า
"มาถึงถิ่นต้องชิมนิดนึง แก้วนี้ 570 เยน" |
"ผมมากินบรรยากาศครับ" |
เอาล่ะ...กินบรรยากาศกันพอแล้ว สถานีต่อไปเราจะไป Harajuku กัน คราวนี้ถึงคิวเราไปกินเครปบ้างแล้ว ^_^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น