kitty wedding

kitty wedding

วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วันที่ 9 เมษายน 2557 สำรวจโอไดบะ (ตอนที่ 1)


จากตอนที่แล้วเราสองคนเดินทางมาถึงสนามบินฮาเนดะเวลาประมาณ 06.10 น. หลังจากผ่าน ตม. แบบฉลุยแล้ว ก็เตรียมมารอรับกระเป๋า รวมแล้วใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีก็เรียบร้อย  เอาล่ะคณะสำรวจโตเกียวจะเริ่มปฏิบัติการแล้ว (มากัน 2 คนนับเป็นคณะได้ไหมเนี่ย)...เริ่มจากภารกิจแรกนี้เลย...จากสนามบินฮานะเดะเราจะไปโรงแรมยังไงกันดีล่ะ

ตามที่ได้เล่าไปในตอนต้นแล้วว่า  เราจะเดินทางไปโรงแรมโดย Airport Limousine Bus จากข้อมูลที่หามาก่อนการเดินทางบอกว่าจากสนามบินฮาเนดะอาคาร International Terminal (ซึ่งเป็นอาคารที่เราสองคนอยู่ในขณะนี้) จะมีรถ Airport Limousine Bus ไปโรงแรม Sunroute Ariake รอบแรกเวลา 11.05 น. หึๆ..อุตส่าห์มาถึงตั้งแต่เช้าจะให้รอรถไปโรงแรมเกือบๆ เที่ยงเพื่ออะไรกัน ไม่มีทางซะหรอก เราก็เลยดูตารางรถรอบแรกของ Terminal 1 และ 2 ซึ่งเป็นฝั่ง Domestic ที่อยู่คนละอาคารกับฝั่ง Inter'  ค่อนข้างไกลพอสมควร (ไม่สิ...ถ้าเดินพร้อมลากกระเป๋าใบยักษ์ก็ไกลมากอยู่) ปรากฏว่าที่ Terminal 2 รถรอบแรกออกเวลา 8.45 น. หลังจากนั้นรถจะแวะไปรับผู้โดยสารที่ Terminal 1 เวลา 8.50 น. ถึงโรงแรมเวลา 9.20 น. เราเลยตกลงกันว่าเราจะไปรอขึ้นรถ Airport Limousine Bus ที่ Terminal 2

ปัญหาต่อมา...จากอาคาร  Inter’ จะไป Terminal 2 ยังไงกันดี...ไม่ต้องเป็นห่วง เตรียมข้อมูลมาอย่างแน่น (555)...ระหว่างอาคารทั้ง 3 แห่ง จะมีบริการ Free Shuttle Bus โดยรถจะวิ่งวนดังนี้ Inter' Terminal – Domestic Terminal 2 (ใช้เวลาประมาณ 6 นาที) - Domestic Terminal 1 (ใช้เวลาประมาณ 4 นาที) แล้ววนกลับไปที่ Inter’ Terminal ใหม่ จะมีรถวิ่งบริการทุกๆ 6 นาที เริ่มตั้งแต่เวลา 04.54 น. – 24.00 น.

หลังจากผ่านด่าน ตม. รับกระเป๋าเรียบร้อย เราจะเจอกับ Information ข้างหน้า แล้วให้เดินมาทางซ้ายจะเจอลิฟต์ กดลิฟต์ลงไปที่ชั้น 1 เลย แล้วออกมารอรถด้านนอกป้ายหมายเลข 0 จะเจอป้าย Free Shuttle Bus to Domestic Terminals รอตรงป้ายนั้นสักพักรถก็มาจอดเทียบตรงป้ายเลย พอมาถึง Terminal 2 ดูนาฬิกาเพิ่งจะเจ็ดโมงกว่าๆ  เอง มีเวลาพักผ่อนตั้งนานกว่ารถรอบแรกจะมา แต่ก่อนที่จะพักผ่อนต้องรีบซื้อตั๋ว Airport Limousine Bus ก่อน เดี๋ยวที่จะเต็มซะก่อน 

"หลังจากรับกระเป๋าเสร็จออกมาก็จะเจอ Tourist Information Center เลย"           

        ตอนนี้ Counter ขายตั๋วยังไม่เปิดนะ กว่าจะเปิดก็เก้าโมงเช้าโน่นแน่ะ แต่เราสามารถซื้อตั๋วได้ที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ สะดวกซื้อง่ายมีเมนูภาษาอังกฤษพร้อม ราคาตั๋วรวมภาษีแล้วคนละ 620 เยน (ลืมบอกไปว่า ญี่ปุ่นเพิ่งขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 5 % เป็น 8% เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ช่างโชคดีอะไรจริง...น้ำตาจิไหล) 

"บรรยากาศภายในอาคาร Domestic Terminal 2"

 "Counter ขายตั๋วยังไม่เปิด"

 "ซื้อตั๋ว ALB ได้ที่ตู้นี้ สีส้มเห็นได้แต่ไกลเลย..."
                ได้ตั๋วมาเรียบร้อยละ ในตั๋วจะระบุรายละเอียดทุกอย่างทั้งวันและเวลารถออก ป้ายรถที่เราจะต้องไปรอขึ้น โดยมีภาษาอังกฤษกำกับด้วย ไม่ต้องกังวลกัน สบายใจได้

"หน้าตาตั๋ว ALB ที่ซื้อจากเครื่องขายอัตโนมัติเป็นแบบนี้...ที่เห็นว่ามี 3 ใบ อีกใบนึงเป็นใบเสร็จนะ"

          พอใกล้ๆ ถึงเวลาเราสองคนก็ไปรอขึ้นรถตามป้ายที่ระบุในตั๋ว ซึ่งที่ป้ายเดียวกันบางทีจะมีรถที่ไปจุดหมายอื่นรวมอยู่ด้วย ดังนั้น ให้สังเกตุป้ายสีส้มๆ ตรงป้ายรถดีๆ ด้วยว่ารถที่มาจอดมันใช่รถของเราหรือเปล่า แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขึ้นรถผิดคัน ก่อนขึ้นรถจะมีพนักงานของ ALB  (ขอเขียนย่อๆ) ยืนอยู่ประจำป้ายรถคอยตรวจตั๋วของเราว่าเราขึ้นถูกคันหรือเปล่า แล้วถ้ามีสัมภาระพนักงานก็จะจัดการผูก Tag กระเป๋า ยกกระเป๋าใส่รถให้เราเรียบร้อย แต่ก็อย่าลืมรับบัตรรับกระเป๋าจากพนักงานมาด้วยนะ  บัตรรับกระเป๋าจะเท่ากับจำนวนกระเป๋าที่โหลดใส่รถ ถ้าไม่มีบัตรรับกระเป๋าหรือทำหายคิดว่าคงไม่ได้รับกระเป๋าคืนง่ายๆ นะ น่าจะต้องงัดหลักฐานมายืนยันกันเยอะแยะทีเดียว

"ป้ายรอรถ ALB สังเกตุป้ายไฟสีส้มด้วยนะตัวเอง เดี๋ยวไปผิดคันผิดที่"
      

           เฮ้อ..ได้ขึ้นรถซะที พนักงานขับรถพูดใส่ไมล์ไปด้วยขับรถไปด้วย งานนี้ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ฟังออกแค่ว่ายินดีต้อนรับ แล้วก็บอกจุดหมายว่าที่แรกที่จะจอดที่ไหน นอกนั้น..พูดไรฟะฟังไม่รู้เรื่องเลย  แกล้งตายดีกว่า อ้อ...นั่งรถที่ญี่ปุ่นต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาด้วยนะ พนักงาน ALB ที่อยู่ข้างล่างก่อนที่รถจะออกก็ขึ้นมากำชับผู้โดยสารบนรถ และพูดอะไรอีกก็ไม่รู้ สุดท้ายก็โค้งคำนับกล่าวขอบคุณจนหัวแทบโขกพื้น (จะก้มต่ำอะไรกันขนาดนี้) แล้วก็ลงจากรถไป

หลังจากฟื้นคืนชีพก็ถึงโรงแรมแล้ว มองดูนาฬิกา ขอบอกว่าเป๊ะมาก 9.20 น. จริงๆ (ทำได้ไงอ่ะ) พอมาถึงโรงแรม เรายัง Check in ไม่ได้ เพราะตามระเบียบให้ Check in ได้ตอนบ่ายสามโมง แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เราสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนได้ แล้วก็ออกไปเที่ยว  ดึกๆ ค่อยมา Check in ก็ได้ แต่ก่อนออกไปเที่ยว ขอจัดการเรื่องรถ ALB ขากลับก่อน

ขอย้อนกลับไปที่กรุงเทพฯ ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีงานไทยเที่ยวไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 14 เราได้ซื้อบัตร ALB เส้นทางระหว่างโรงแรมกับสนามบินนาริตะ (ขากลับเรากลับที่สนามบินนาริตะ) ซื้อที่บูธของ H.I.S ราคาคนละ 850 บาท คำนวณดูแล้วถูกกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่น (ถ้าซื้อที่ญี่ปุ่นประมาณ 2,770 เยนต่อคน *ลองคิดภาษีเป็น 8% อัตราแลกเปลี่ยน 100 เยน = 32.57 บาท) ความจริงก็ถูกว่ากันไม่กี่สิบบาท แต่ยังไงก็ถูกกว่าอ่ะ 555 เลยจัดไปเลย 2 ใบ

"ตั๋ว ALB ขากลับที่ซื้อมาตั้งแต่ที่กรุงเทพฯ" 
                                

แต่ตั๋วที่ได้มาเป็นตั๋วที่ยังไม่ได้สำรองที่นั่งและไม่ได้ระบุวันเวลา ดังนั้น เราต้องไปแจ้งความประสงค์ที่โรงแรมว่าเราจะเดินทางกลับวันไหน และจะขึ้นรถรอบกี่โมง ซึ่งจะมีตารางเวลาบอกว่ามีรถ ALB รอบไหนไปสนามบินนาริตะและฮาเนดะบ้าง สามารถดูตารางเวลาล่วงหน้าได้ที่ https://www.limousinebus.co.jp/en/ และนี่คือสาเหตุที่เราไม่ซื้อตั๋วขามาจากสนามบินมาโรงแรมจากที่เมืองไทยเลย เพราะตั๋วนี้ต้องสำรองที่นั่งก่อน ซึ่งต้องรอ counter ที่สนามบินเปิดตอน 9 โมง เสียเวลาโดยใช่เหตุ ซื้อจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติง่ายกว่า โดยเราจะต้องโชว์ตั๋วนี้ให้โรงแรมดู โรงแรมก็จะจัดการสำรองที่นั่งให้เราเรียบร้อย ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม (ควรจะรีบจองตั้งแต่วันที่เดินทางไปถึง เพราะถ้าไปช่วงที่มีแขกเข้าพักเยอะๆ วันที่เราจะเดินทางกลับอาจไม่ได้รอบเวลาที่เราต้องการกลับก็ได้  อันนี้เราคิดเองนะ เพราะวันที่เรากลับที่นั่งก็เกือบเต็มเหมือนกัน  แต่รอบนึงอาจจะมีรถหลายคันก็ได้ (มั้ง) อันนี้ไม่มีข้อมูลจริงๆ แต่เท่าที่เห็น เห็นมีคันเดียวนะ เอาเป็นว่าเพื่อความไม่ประมาทจองก่อนตั้งแต่วันแรกที่เดินทางไปถึงจะดีกว่า กันพลาด)

ก่อนออกไปเที่ยวมาดูหน้าตาโรงแรมกันก่อนดีกว่า  ภายนอกโรงแรมก็ดูใหญ่โต สะอาดสะอ้าน เงียบสงบดี น่าอยู่มาก wifi ก็แรง พนักงานพูดภาษาอังกฤษดีทีเดียว ส่วนที่ชั้นสองก็มี Lawson ด้วยซึ่งเราสองคนแวะเวียนที่ Lawson ทุกเช้าค่ำอยู่ตลอด 10 วัน แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปภายในห้องมาด้วย ลืมด้วยแหล่ะ กว่าจะรู้ตัวก็ทำห้องรกไปแล้ว (แต่สามารถดูรูปจาก website Booking.com ได้ ไม่แตกต่างจากสถานที่จริงเท่าไหร่) สำหรับห้องพักขอบอกว่าผิดคาด  ตอนที่เข้าไป เอ๊ะ! ห้องพักค่อนข้างกว้างแฮะ กว้างเพียงพอสำหรับคนไทยตัวใหญ่ๆ สองคนอย่างเรา บวกกับกระเป๋าใบโตอีก 3 ใบได้สบายๆ ห้องน้ำก็กว้างพอสมควร มีทั้งอ่างอาบน้ำ ฝักบัว ชักโครก(ไฮเทค แต่ก็ไม่ได้ไฮเทคถึงขนาดมีมือขยันออกมาช่วยขยี้หรอกนะ 555) อ่างล้างหน้า พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งแชมพู ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำ (ขวดใหญ่มากใช้ 3  เดือนก็ไม่หมด)  ไดร์เป่าผม และยังมีแปรงสีฟัน  มีดโกนหนวด หวี มาเติมให้ทุกวัน  ยกเว้นหมวกอาบน้ำที่ไม่มี (โชคดีทีเตรียมไป) นอกจากนี้ ก็มีกระติกน้ำร้อนพร้อมชาเขียวมัชชะแบบซอง (วันละ 3 ซอง 10 วันก็ 30 ซองละ เอากลับมาเป็นของฝากได้เลย 555) ถ้าไปโตเกียวอีกก็อยากจะพักที่นี่อีก แต่ขอเสียคือ เวลาจะเดินทางเข้าไปในโตเกียวค่ารถไฟก็แพงเอาเรื่องอยู่ แต่ถ้าทำแผนการเดินทางดีๆ ก็จะประหยัดค่ารถไปได้เยอะ ประหยัดยังไงเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังในตอนต่อไปนะ รู้สึกจะยาวไปแล้วล่ะ
"โรงแรม Sunroute Ariake ด้านนอก"
                           


"ชั้น 2 มี Lawson เป็นแหล่งอาหารเช้าของเราสองคน"
                           





"เหล่าบรรดาดอกทิวลิปแถวๆ โรงแรม"
                        


"แบบว่า...ทีวีจะชัดไปไหนเนี่ย"
                     



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น