ภาพที่วาดไว้ที่สวน Ueno คือ ดอกซากุระบานสะพรั่งเต็มทั้งสวน พอเข้าไปภายในสวน ต๊าย...ตาย ส่วนใหญ่ดอกซากุระร่วงไปเกือบหมดแล้ว ดีที่พอมีเหลือให้เห็นประปรายบ้าง T_T
สิ่งแรกที่เข้ามาในสวน Ueno แล้วอยากเห็นคือ อนุสาวรีย์ท่าน Saigo Takamori ซามูไรคนสุดท้าย ที่ยึดมั่นอุดมการณ์แบบ Bushido จนต้องปลิดชีวิตนเองด้วยการคว้านท้อง สำหรับประวัติของท่าน Saigo สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก wikipedia ค่ะ
เดินต่อเข้าไปด้านในก็เจอศาลเจ้า Kiyomizu Kannon-do |
ป้ายขอพรหลากหลายภาษา |
ใบเซียมซีที่ไม่ดีก็จะผูกทิ้งไว้ตรงนี้...เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่จะนำไปทำพิธีเผาทำลายสิ่งไม่ดีต่อไป |
ซากุระต้นนี้ทำให้บรรยากาศรู้สึกชวนเหงาๆ อย่างบอกไม่ถูก |
มุมมองจากระเบียงศาลเจ้า Kiyomizu Kannon..มองไกลๆ ด้านล่างเหมือนมีร้านแผงลอยนะ ลองลงไปดูกันดีกว่าเน๊อะ |
จริงๆ ภาพนี้ควรจะเป็นซุ้มดอกซากุระใช่ไหม...ฮือๆๆ |
ร้านแผงลอยตลอดสองข้างทางไปยังศาลเจ้า Benten-do Shrine |
ปลาย่างเอ๊ะหรือว่าปลาปิ้งดี เอาเป็นว่าอยากลองมานานละ 1 ตัว 500 เยน สงสัยจะทิ้งไว้นานไปหน่อยหรือไม่อากาศก็เย็นเกิน เลยไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ |
หน้าศาลเจ้า Benten-do Shrine |
โชคดีที่มาเจอต้นซากุระเรียงแถวอยู่ตรงทางออกของสวน Ueno ดอกชมพูแปร๊ด! ดอกโตกว่าที่โอไดบะอีก ดีใจๆ |
ตลาด Ameyoko ปิดวันพุธ ร้านส่วนใหญ่จะเปิดประมาณ 10 โมงเช้า และปิดประมาณ 1 ทุ่ม ยังไงก็อย่าลืมดูวันกันด้วยนะ เดี๋ยวจะมากันเก้อ
ทางเข้า Ameyayokocho เดินเข้าไปอีกนิดก็จะเจอทางเข้าตลาด Ameyoko |
ทางเข้ามีให้เลือกซ้ายและขวา ทางซ้ายคือตลาด Ameyoko เน้นของกินของฝาก ส่วนด้านขวาเรียกว่า Ue-chun เน้นพวกเสื้อผ้า มาญี่ปุ่นของเราเน้นของกินอยู่แล้ว...ซ้ายผ่านตลอด |
รูปปั้นสัญลักษณ์ประจำตลาด Ameyoko... |
บรรดาผลไม้เวลามาวางรวมๆ กันชวนน่ากินยิ่งนัก |
ของทะเลสดๆ ราคาก็ไม่แพงด้วย |
ร้าน ABC-Mart ยอดฮิต |
ร้านเคบับในตลาด Ameyoko |
อุ้ย..ร้านไก่ทอด Yama-Chan มีสาขาในตลาด Ameyoko ด้วยอ่ะ สุดยอด... |
ร้าน Nikinokashi ร้านเดียวแทบหมดตัว |
วัด Tokudaiji อยู่ติดกับร้าน Nikinokashi |
ร้าน Gindaco Cafe หน้าร้านทำเป็นกระจกใสให้ผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนั้นได้เห็นกระบวนการทำทั้งทาโกยากิและไทยากิชวนให้น้ำลายสอ แถมกลิ่นมันก็หอมเย้ายวนยิ่งนัก ว่าแล้วเราก็จูงมือโยกี้เข้าไปในร้านแบบไม่ถามความเห็นสักคำ
ร้าน Gindaco Cafe...การทำโชว์กันสดๆ นี่มันได้ผลจริงๆ นะ |
ได้เวลาไปต่อกันละ ออกมายังไม่พ้นตลาดดี เกือบลืมสิ่งที่อาฆาตไว้ตั้งแต่ตอนเดินเข้าตลาดก็คือ สตรอเบอร์รี่ ใจนึงจะซื้อแบบเสียบไม้ดีไหมนะ เพราะถ้ามาที่นี่มันต้องผลไม้เสียบไม้เท่านั้น แต่ตอนนั้นยังอิ่มกันอยู่ให้กินตอนนี้คงไม่ไหว เลยตกลงซื้อแบบแพคเก็บไว้กินระหว่างทางดีกว่า
สตรอเบอร์รี่เสียบไม้ 4 ลูก 200 เยน |
อันนี้แพคละ 450 เยน |
แต่ก่อนที่จะออกจากสถานี KAMIYACHO ด้วยความที่โยกี้ต้องแบกทั้งของกินของฝากที่ซื้อมาจากตลาด Ameyoko ไหนจะทั้งกล้องและขาตั้งกล้องอีก ให้เดินต่อไปทั้งอย่างนี้ก็คงไม่ไหว เราสองคนเลยมองหาตู้ล็อคเกอร์เก็บสัมภาระชั่วคราวกันก่อน
ตู้ล็อคเกอร์ที่เราเจอที่สถานีนี้เป็นแบบรุ่นใหม่ เห็นครั้งแรกก็งงอยู่เหมือนกัน แต่โชคดีที่วิธีใช้มีภาษาอังกฤษด้วย ขั้นตอนคือเราจะต้องหาล็อคเกอร์ที่ว่าง สังเกตจากไฟ ถ้าไม่มีไฟแสดงว่ายังว่าง เลือกได้แล้วก็เอาสัมภาระใส่เข้าไปในตู้นั้นแล้วปิดประตู เสร็จแล้วก็จำหมายเลขตู้ไว้ ใกล้ๆ กันจะมีตู้ที่มีหน้าจอ LCD กับช่องสำหรับหยอดเหรียญ ไปที่ตู้นั้นแล้วกดที่หน้าจอเลือกภาษาอังกฤษ จริงๆ หน้าจอจะแสดงรูปล็อกเกอร์ที่เราเพิ่งเอาสัมภาระใส่เข้าไป แต่ถ้าเกิดไม่แสดงให้เลือก Put in the bag แล้วพิมพ์หมายเลขตู้ กดปุ่ม cash เราเลือกตู้ขนาด 300 เยน ก็หยอดเงินไป 300 เยน เสร็จแล้วใบเสร็จจะออกมา ซึ่งในใบเสร็จจะมี Key Number อยู่ต้องเก็บไว้ให้ดีๆ หายล่ะงานเข้าเลย เวลาจะเอาของออกให้ไปกดที่หน้าจอ เลือกภาษาอังกฤษ เลือก Take out bag พิมพ์หมายเลขล็อกเกอร์ และ Key Number ประตูล็อกเกอร์ก็เปิดออกได้
หน้าตาล็อคเกอร์รุ่นใหม่...ส่วนด้านขวามือคือตู้สำหรับกด (ตอนนั้นกังวลกลัวจะลืมว่าใส่ไว้ตู้ไหน เลยไม่ได้ตั้งใจถ่ายตู้กดเลย) |
จัดการกับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากสถานีเดินกันตัวปลิวได้ พอออกจากสถานีแล้วก็งงว่าจะไปทางไหนดี ดีนะที่เห็นป้ายบอกทางไป Tokyo Tower ก็เดินตามป้ายกันไปเรื่อยๆ (ตอนนั้นเราสองคนขาเริ่มล้า ฝ่าเท้าก็เริ่มระบมเดินกันเยอะเหลือเกินวันนี้ ลืมถ่ายรูปป้ายกันเลย) เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นตึกรูปร่างแปลกตา หลายตึก
ในที่สุดก็ถึงซะที สีสันสดใสจนลืมว่าเท้าระบมไปชั่วขณะ |
ธงปลาคาร์ฟเยอะแยะเลย สงสัยจะเตรียมสำหรับงานเทศกาลวันเด็กผู้ชายที่จะมาถึงในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ล่ะมั้ง |
ของที่ระลึกของ Tokyo tower ในรูปแบบ Kitty |
Tokyo Banaba รุ่นใหม่ๆ |
Tokyo tower เวอร์ชั่นตุ๊กตา |
จากสถานี KAMIYACHO (H05) ต่อสาย Tokyo Metro Hibiya Line (สายสีเทา) ลงสถานี GINZA (HO8) แล้วต่อสาย Tokyo Metro Ginza Line (สายสีส้ม) ลงสถานี Shimbashi(G08) ทั้งหมดนี้ใช้บัตร Tokyo Metro 1-Day Open Ticket วันนี้ถือว่าใช้บัตรได้คุ้มแบบสุดๆ แต่หลังจากนี้เราใช้บัตรนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเราต้องต่อสาย Yurikamome Line ลงสถานีที่ Kokusai Tenjijo Seimon เพื่อกลับโรงแรม Sunroute Ariake ค่ารถไฟ 380 เยน
ระหว่างทางกลับโรงแรมเดินผ่านตึก Tokyo Fashion Town เลยแวะกินอุด้งกันคนละชามที่ร้าน Marugame Seimen ต้นตำรับของญี่ปุ่น ปกติเวลาเรากินอุด้งร้าน Marugame Seimen ที่เมืองไทยขนาดชามใหญ่เรารู้สึกว่ามันเล็กสำหรับเรา เลยสั่งชามใหญ่ตามความเคยชิน ปรากฏว่าชามใหญ่เวอร์ชั่นญี่ปุ่นมันใหญ่จริงใหญ่จัง แถมสั่งของทอดมาอีก 3 อย่าง ได้แต่คิดในใจว่าฉันจะทำไงดี กินไปกินมาด้วยความที่เส้นอุด้งอร่อยน้ำซุปก็อร่อยหมดชามจนได้
Kitsune Udon ชามใหญ่ 442 เยน ของทอด 3 อย่างชิ้นละ 103 เยน |
Niku Udon นะถ้าจำไม่ผิด ชามใหญ่ 597 เยน |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น