การเดินทางมา Nakano Broadway ถ้ามาโดยรถไฟให้ลงที่สถานี JR Nakano ทางออก North นะคะ |
ออกมาปุ๊บก็จะเห็นทางเข้าสู่ Nakano Broadway เลยค่ะ |
หลังจากที่ต่างคนต่างแยกย้ายไปหาซื้อของที่แต่ละคนต้องการแล้ว เราก็กลับมาเจอกันเพื่อกินมื้อกลางวันกันที่ร้านซูชิสายพานที่เล็งไว้ตั้งแต่คราวที่แล้ว ชื่อร้านคันจิทั้งนั้นอ่านไม่ออกซักตัว
ร้านนี้มีแต่ของอร่อย... |
ซูชิหน้าต่าง ๆ ทยอยไหลมาตามสายพาน |
สั่งได้สักครู่ รถไฟด่วนขบวนซูชิก็มาเสิร์ฟตรงหน้า |
ซูชิหน้าปลาทูน่า 3 อย่าง มี Akami, O-Toro และ Chu-Toro จานนี้เรา 2 คน สั่งมา 2 จาน ไม่งั้นแบ่งกันไม่ลงตัวค่ะ งานนี้ไม่มีใครยอมใคร 555 |
หอยเชลล์สด ๆ นุ่มๆ อร่อยมาก |
ซูชิหน้าปู อันนีัปูจริง ๆ นะ ไม่ใช่ปูอัด แต่รสชาติก็คล้ายปูอัดนะ แสดงว่าปูอัดที่กินอยู่ทุกวันนี้ถือว่าใช้ได้ ทำได้คล้ายของจริง 555 |
นี่คือเกือบทั้งหมดที่สั่ง แต่ก็มีที่กินหมดแล้วลืมถ่ายรูป อารมณ์เหมือนแร้งลง สงสัยจะเจ็บใจซูชิในวันแรก มื้อนี้เลยส่งท้ายจัดหนัก |
อเมริกาโน่เย็นแก้วนี้ ราคายังไม่รวมภาษี 467 เยน กลิ่นและรสชาติดีงามตามท้องเรื่อง |
strawberry shortcake ราคาไม่รวมภาษี 553 เยน เค้กของญี่ปุ่นมีคุณภาพกินร้านไหน ๆ ก็อร่อยเหมือนกันหมด |
หลังจากซื้อของฝากกันอย่างหนักหน่วง เกือบ ๆ จะหมดวันกันเลยทีเดียว เราก็เอาของทั้งหมดกลับไปเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วออกไปเที่ยวกันต่อที่ Toyosu Lalaport เพื่อไปหาอาหารเย็นกินกันค่ะ
เราขึ้นสาย YURIKAMOME ลงที่สถานี TOYOSU (U16) ออกทาง Toyosu Park เดินชมวิวระหว่างทางไปเรื่อย ๆ ยังไม่ทันจะเหนื่อยก็ถึงแล้วค่ะ
เปิด 11.00 - 21.00 น. ส่วนอาหารปิด 23.00 น. |
ร้านที่เราจะไปกินข้าวเย็นอยู่ที่ชั้น 3 ตรงส่วน Urban Dock ชื่อร้าน "Rakeru" ซึ่งอาหารขึ้นชื่อของร้านนี้คือ ข้าวห่อไข่ หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า Omurice
เรารู้จักข้าวห่อไข่แบบญี่ปุ่นครั้งแรกจากละครโทรทัศน์เรื่องสูตรรักข้าวห่อไข่ สมัยนั้นกรี๊ด Satoshi Tsumabuki หนักมาก
ในขณะที่ Yuko Takeuchi ก็เป็นนางเอกที่กินข้าวห่อไข่ได้ดูอร่อยสุด ๆ น่ารักมากด้วย ทำให้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมากินข้าวห่อไข่แบบญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่นให้จงได้
ฟ |
ป้ายหน้าร้านเป็นภาษาอังกฤษป้ายสีแดงตัวหนังสือโตหาง่าย |
อาหารตัวอย่างแสดงชนิดของข้าวห่อไข่แบบต่าง ๆ |
เลือกไม่ถูกเลย จะเยอะไปไหนเนี่ย |
เมนูของหวานก็มีอีกเพียบ มาที่นี่กันแค่สองคนมากี่หนถึงจะกินได้ครบทุกเมนูล่ะเนี่ย |
ร้าน Rakeru เป็นร้านเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1963 ปีที่เราไปก็เป็นปีที่ร้านฉลองครบรอบ 50 ปี ย่างเข้าปีที่ 51 |
จานแรกเริ่มจากซุปข้าวโพดหวานรสชาติกลมกล่อม 410 เยน รวมภาษีแล้ว |
มาแล้วข้าวห่อไข่เสิร์ฟพร้อมแฮมเบิร์ก มันฝรั่งและขนมปัง เมนูสุดฮิตของร้าน ราคา 1,166 เยน รวมภาษีแล้ว ขนมปังของที่นี่รสชาติจะออกหวานหน่อย ๆ นะคะ |
หวังจะให้เห็นเน้นด้านแฮมเบิร์กกันชัด ๆ แต่ก็ยังถ่ายได้เบลออยู่ดี |
ต่อมาเป็นสตูว์ร้อน ๆ ราดด้วยไข่เยิ้ม ๆ ราคา 950 เยน รวมภาษีแล้ว |
ดับกระหายและตัดเลี่ยนเล็กน้อยด้วยน้ำ lemonade แก้วนี้ 216 เยน รวมภาษีแล้วจ้า |
แผนผังร้านอาหารต่าง ๆ ภายใน Toyosu Lalaport ที่นี่คือสวรรค์ของนักกินแท้ ๆ |
สำรวจร้านอาหารภายในหมดแล้ว ออกไปเดินข้างนอกสูดอากาศบริสุทธิ์กันบ้างดีกว่า พอออกมาแล้วรู้สึกดีมาก ๆ แม้อากาศจะเย็นไปซักหน่อย แต่รู้สีกว่าบรรยากาศมันดีมาก ๆ ข้อดีของการพักที่โอไดบะก็คือบรรยากาศนี่แหล่ะ มันสบาย ๆ ชิวส์ ๆ ไม่รู้สึกอึดอัดคนเยอะแยะเหมือนทางฝั่งในโตเกียว แต่ข้อเสียคือ จะเข้าเมืองทีต้องนั่งรถไฟหลายต่อ ทำให้เสียค่ารถเยอะมาก ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง
จุดหมายต่อไปของเราคือ Palette town ที่แรกที่จะไปคือ ห้าง Venus fort จากสถานี Toyosu (U16) ต่อสาย Yurikamome Line ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็ถึงสถานี Aomi (U10)
ออกจากห้าง Venus fort ไปต่อกันที่สุดท้ายของทริปในโตเกียวครั้งนี้ของเรา คือ Toyota Mega Web ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับห้าง Venus fort นั่นเอง
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยชิซูกะจัง สำหรับทริปหน้าเราจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอีกครั้ง โดยเราจะเดินทางจากคันไซสู่ฮอกไกโดในช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกับฤดูหนาวกัน ยังไงจะมาเขียนแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ในโอกาสต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
ถึงแล้ว Palette town มุ่งหน้าไปที่ Venus fort ก่อนเลย |
ห้าง venus fort เป็นห้างสไตล์อิตาลี (ดูจากข้างนอกอาจจะยังดูไม่ออก) จุดเด่นคือหลังคาที่เป็นรูปท้องฟ้าที่จะเปลี่ยนสีไปตามช่วงเวลาของวัน เปิด 11.00 - 21.00 น. ส่วนอาหารปิด 23.00 น. |
ออกจากห้าง Venus fort ไปต่อกันที่สุดท้ายของทริปในโตเกียวครั้งนี้ของเรา คือ Toyota Mega Web ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับห้าง Venus fort นั่นเอง
ออกมาเจอกับชิงช้าสวรรค์ไดคันรันชะ (Daikan Ransha) กำลังเปิดไฟสวยเชียว เปิด 10.00 - 22.00 น. |
Toyota Mega Web เปิดเวลา 10.00 - 22.00 น. เรามาถึงก็ใกล้เวลาจะปิดแล้ว เลยต้องเร่งฝีเท้าเดินชมรถที่นำมาแสดงกันอย่างรวดเร็ว |
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยชิซูกะจัง สำหรับทริปหน้าเราจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอีกครั้ง โดยเราจะเดินทางจากคันไซสู่ฮอกไกโดในช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกับฤดูหนาวกัน ยังไงจะมาเขียนแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ในโอกาสต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ